Header Ads

test
Homepro Promotion

เทคนิคกำจัดเชื้อรารับหน้าฝน

เข้าหน้าฝนตกพร่ำตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้เห็นแสงตะวันกันเลย สิ่งที่ตามมาแบบเลี่ยงไม่ได้คือความอับชื้น ซึ่งก่อให้เกิดเชื้อราแพร่กระจายไปทั่วบ้านของเรา ไม่ว่าจะเป็น ฝ้าเพดาน เฟอร์นิเจอร์ ผนังบ้านทั้งภายในและนอก ที่ต้องบอกเลยว่า หากเราไม่ทำการแก้ไขอย่างถูกต้อง จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของเราแน่นอน

ภาพจาก Green and Growing

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้กล่าวว่ากลุ่มของเชื้อรามักจะมีลักษณะเป็นรอยจุดสีต่างๆ เช่น สีดำ สีน้ำตาล สีเขียว สีขาว ซึ่งลักษณะเหล่านี้ จะมาพร้อมกับกลิ่นอับ หรือกลิ่นเหม็นที่คล้ายกับดินชื้นๆ มักจะพบบ่อยตามฝ้าเพดาน ผนังใต้พื้น ใต้พรม วอลเปเปอร์ ตู้เสื้อผ้า ฟูก หมอน เครื่องหนัง เป็นต้น

เชื้อราและผลเสียต่อสุขภาพ


หากภายในบ้านของเรามีเชื้อราสะสมอยู่ตามซอกมุม หากเราไม่จัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อย เชื้อราอาจจะฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ แล้วเราก็สูดหายใจเข้าปอดของเราไปเต็มๆ ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ มีไข้ จาม น้ำมูกไหล หรือเป็นโรคปอดอักเสบได้เลยทีเดียว

นอกจากโรคที่กล่าวมาข้างต้น เชื้อรายังก่อให้เกิดอาการระคายเคืองตา จมูก หลอดลม เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนและอาการแพ้เป็นผื่นลมพิษอีกด้วย

ทำอย่างไรให้ห่างไกลเชื้อรา ?


ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากเชื้อรา ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยหรือห่างไกลตัวเราอย่างที่คิด การทำความสะอาดบ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการกำจัดเชื้อรา โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีข้อแนะนำในการกำจัดเชื้อราง่ายๆ 5 ขั้นตอนมาฝาก เริ่มจาก

ป้องกันตนเองด้วยการสวมอุปกรณ์


ขณะทำความสะอาดบ้าน กำจัดเชื้อรา ควรที่จะสวมถุงมือยางอย่างมิดชิด ไม่สัมผัสกับผิวหนังโดยตรง ใส่แว่นตาเพื่อป้องกันอาการระคายเคือง และที่สำคัญคือใส่ผ้าปิดจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราเข้าสู่ร่างกายเวลาเราหายใจ

ภาพจาก Maid Brigade

การระบายอากาศ


ในระหว่างการทำความสะอาดบ้าน ควรที่ตะเปิดประตู หน้าต่าง ผ้าม่าน เพื่อให้อากาศภายในบ้านถ่ายเท และมีแสงแดดส่องถึง (ในวันที่ฝนไม่ตกอ่ะนะ) ที่สำคัญคือไม่ควรเปิดแอร์ หรือพัดลมขณะที่กำลังทำความสะอาด เพราะอาจจะทำให้เชื้อรายิ่งฟุ้งกระจายไปทั่วบ้านมากกว่าเดิม

ภาพจาก pinterest.com

ทำความสะอาดทุกซอกมุม


เมื่อเรารู้แล้วว่าการทำวามสะอาดบ้านจะต้องป้องกันในเรื่องของอะไรบ้าง อันดับต่อไปจะเป็นในส่วนของ ขั้นตอนการทำความสะอาดภายใน เฟอร์นิเจอร์ วอลเปเปอร์ และ เครื่องหนัง ที่มักจะเจอกับสาเหตุของเชื้อราอยู่บ่อยๆ

ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์


การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ให้ห่างไกลจากเชื้อรา สามารถทำได้ไม่ยากค่ะ โดยให้ล้างเฟอร์นิเจอร์ด้วยการใช้น้ำและสบู่เช็ดถูขจัดสิ่งสกปรกออกก่อน หลังจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรต์ หรือผงปูนคลอรีน 0.5 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปน้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรต์ก็ได้

คุณสามารถหาซื้อพวกน้ำยาต่างๆเหล่านี้ได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป นำมาผสมกับน้ำในอัตราส่วนน้ำยาซักผ้าขาว 3-5 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 แกลลอน (ประมาณ 3.8 ลิตร)

ภาพจาก Memrise

ทำความสะอาดวอลเปเปอร์


สำหรับบ้านใครที่ติดวอลเปเปอร์เพื่อความสวยงาม แล้วเกิดเชื้อราเป็นจุดเล็กๆเกาะตามผนัง ให้ทำความสะอาดด้วยการใช้แอลกอฮอล์ล้างแผล 70% ผสมกับกรดซาลิไซลิก อัตราส่วน 5 ต่อ 1 ซึ่งตรงส่วนนี้เป็นแนวทางการแก้ไขสำหรับวอลเปเปอร์ที่มีเชื้อราขึ้นจุดเล็กๆนะคะ หากเชื้อราชึ้นวอลเปเปอร์ทั้งแถวในวงกว้าง แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ไปเลยง่ายที่สุด

ภาพจาก Mother Earth News

ทำความสะอาดเครื่องหนัง


พวกเครื่องหนังเนี่ยทำความสะอาดง่ายหน่อย ใช้เพียงน้ำส้มสายช๕เช็ดถูหลายๆครั้ง และปล่อยให้แห้ง หลังจากนั้นให้เช็ดตามด้วยน้ำยาทำความสะอาดเครื่องหนังอีกครั้ง แล้วใช้ครีมเช็ดรองเท้าถูปิดท้าน เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ภาพจาก Livspace.com

หลังจากทำความสะอาดทุกอย่างครบถ้วน แนะนำให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราเช็ดหรือพ่นบริเวณที่มีเชื้อราเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกวันจนเชื้อราตามไป จากนั้นเว้นระยะเช็ด หรือพ่นเป็นสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อราเจริญเติบโตอีก

ทำบ้านให้ปลอดโปร่งและแห้ง


หลังจากเราทำความสะอาดทุกอย่างภายในบ้านแล้ว ให้เปิดพัดลมเป่าบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงหน้าต่างและประตู เพื่อถ่ายเทอากาศและนำเอาสปอร์ของเชื้อราออกจากตัวบ้าน จนเรามั่นใจว่าบ้านและอุปกรณ์ต่างๆแห้งสนิทปราศจากความชื้นอย่างแน่นอน

ตรวจสอบเชื้อรา


หลังจากเราทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง ทิ้งระยะสัก 2-3 วันให้สังเกตุว่ามีเชื้อราเจริญเติบโตขึ้นมาอีกหรือไม่ ถ้าหากยังพบว่ามีเชื้อราขึ้นมาอีก ให้ทำความสะอาดซ้ำอีกครั้ง และตรวจสอบพวกระบบระบายอากาศ ระบบแอร์ทั้งหมด และปรับระดับความชื้นภายในบ้านด้วยค่ะ

ภาพจาก AskMeBlogger.com

ทั้งมดที่กล่าวมานี้ เป็นเทคนิคการกำจัดเชื้อราแบบง่ายๆ ที่คุณเองก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านโดยไม่ต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญมาดูแล แต่ในหน้าฝนนี้ต้องบอกเลยว่าอาจจะเหนื่อยสักหน่อย เพราะความชื้นในอากาศมีค่อนข้างสูง ซึ่งถ้าหากพบเห็นปัญหาเชื้อราควรรีบลงมือแก้ในทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้นานเพื่อสุขอนามัยที่ดีของคนในครอบครัวนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น