วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ด้วยวอลเปเปอร์ติดผนัง

บางครั้งการตกแต่งบ้านด้วยการทาสีเพียงอย่างเดียว มันแลจะดูน่าเบื่อไปแล้วเนอะ อยากจะมีอะไรโดดเด่นเพิ่มเติมกิมมิกกับการตกแต่งบ้าน ให้ดูสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้น วันนี้เลยแวะเอาไอเดียการเลือกวอลเปเปอร์ พลิกชีวิต เปลี่ยนบรรยากาศบ้าน ให้ดูสวยจนต้องร้องว๊าวว มาฝากกันมากกว่า 10 แบบ !


วอลเปเปอร์ติดผนังลวดลายดอกไม้แสนสวย


ตกแต่งบ้านด้วยวอลเปเปอร์ลายดอกกุหลาบแสนหวาน แต่ก็ดูลึบลับน่าค้นหา ลวดลายใบไม้สีเขียวด้านหลัง ประกอบกับชุดเครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม คุมโทนสีเดียวกัน บอกเลยว่าเข้ากันอย่างลงตัวสุดๆ

ภาพจาก adventuresofyoo.com

วอลเปเปอร์ติดผนังโทนสีนู๊ด


หากใครที่ชื่นชอบความเรียบง่าย แต่ก็แอบมีความเก๋ๆนิดๆ แนะนำให้เลือกเป็นวอลเปเปอร์สีขาว ชมพูอ่อน และเทา จะช่วยทำให้ห้องดูสว่างมากขึ้น ส่วนลวดลายสามเหลี่ยมเป็นลูกเล่นให้ห้องแลดูไม่น่าเบื่อเกินไป

ภาพจาก bluewater.co.uk

วอลเปเปอร์ติดผนังโทนสีขาวดำ


เอาใจคนรักความเรียบหรู ด้วยการเลือกวอลเปเปอร์ติดผนังคุมโทนขาวดำ ที่ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่มันไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะโทนสีขาวดำเนี่ย ไม่ว่าจะนำมาใช้ตกแต่งกับห้องไหน ก็จะช่วยยะระดับห้องนั้นให้ดูโมเดิร์นเกร๋ๆ ได้เลยทันที ไม่เชื่อก็ลองดูสิ !

ภาพจาก Pinterest

วอลเปเปอร์ติดผนังกับหัวใจนักดนตรี


สำหรับหนุ่มสาว อายุมากอายุน้อย ที่มีหัวใจรักในเสียงดนตรี ลองเก็บไอเดียการตกแต่งห้องด้วยวอลเปเปอร์ติดผนัง ลวดลายตัวโน๊ต ร้อยเรียงบรรเลงเพลงตามผนังห้องอย่างสวยงาม ใช้ชีวิตแบบชิคๆ ฟังเพลงแบบคูลๆ บอกเลยว่าอาร์ตจริงอะไรจริง


วอลเปเปอร์ติดผนังป่าดงพงไพร


หากใครเป็นคนที่หลงไหลในความเป็นธรรมชาติ ป่าดง พงไพร จัดวอลเปเปอร์ลวดลายป่า ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวขจีแบจัดเต็มกันไปเลย ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเราเข้าไปนอนอยู่ในป่าจริงๆ

ภาพจาก MarkInternational

วอลเปเปอร์ติดผนังริมทะเล


เข้าป่ากันแล้ว เดินทางไปเที่ยวทะเลกันบ้างไหม ? ตกแต่งวอลเปเปอร์ติดผนังลวดลายทะเลสีคราม สะท้อนแสงแดด ไม่ต้องเดินทางไปถึงทะเลจริงๆ ก็รู้สึกได้ถึงบบรรยากศเสียงคลื่น ลมพัดเย็นๆ และกลิ่นอายของทะเล โชยออกมาราวกับนั่งเล่นอยู่ริมชายหาดเลยทีเดียว

ภาพจาก wallsauce.com

วอลเปเปอร์ติดผนังท้องนภาแสนสดใส


หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบจ้องมองท้องฟ้า เพราะรู้สึกว่ามันผ่อนคลายจิตใจได้ดี ลองเลือกวอลเปเปอร์ติดผนังลวดลายท้องนภา ที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆสีขายปุยนุ่น ผสานกับโทนสีฟ้าอ่อน เหมาะกับการนอนพักผ่อนหย่อนใจ ปลดปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ พักผ่อนสมองในมุมเงียบสงบภายใต้ท้องฟ้า เป็นอะไรที่ฟินสุดๆเลยล่ะค่ะ

ภาพจาก DHgate.com

วอลเปเปอร์ติดผนังยามค่ำคืน


อาศัยอยู่ในเมือง มองขึ้นบนท้องฟ้ายาค่ำคืน ก็เห็นแต่ดวงจันทร์ นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เราไม่ได้นอนมองดวงดาวบนฟากฟ้ามานานแค่ไหนแล้ว ? พูดแล้วก็อยากที่จะไปต่างจังหวัดขึ้นเขาเพื่อดูดาวกันสักอาทิตย์ แต่ดูเหมือนวันลาพักร้อนจะไม่ค่อนเป็นใจสักเท่าไหร่ …

ภาพจาก Etsy

งั้นเปลี่ยนจากไปดูดาวบนภูเขา มาเป็นนอนดูดดาวในห้องนอน ด้วยการเลือกวอลเปเปอร์ติดผนังลวดลายดวงดาวส่องประกายราวกับอยู่ภายใต้ ผื่นฟ้าที่เต็มไปด้วยประกายของดวงดาวสวยฟินสุดๆ

วอลเปเปอร์ติดผนังบินขึ้นสู่อวกาศ


หากคุณคิดว่าแค่ดวงดาวมันธรรมดาเกินไป งั้นมาบินทะลุขึ้นไปถึงอวกาศกันไปเลย วอลเปเปอร์ลวดลายดาวเคราะห์ ดาวหาง กลุ่มอุกกาบาต ยานอวกาศ เหมาะมากสำหรับคนที่หลงใหลและอย่างท่องเที่ยวล่องลอยไปท่ามกลางหมู่ดวงดาวอย่างใกล้ชิด


วอลเปเปอร์ติดผนังดำดิ่งสู่ใต้น้ำ


ไปเที่ยวนอกโลกกันมาแล้ว เรามาดำดิ่งลงใต้น้ำกันดีกว่า เลือกวอลเปเปอร์ลวดลายใต้น้ำ สีน้ำเงินครามที่ดูลึกลับน่าค้นหา ปรับบรรยากาศภายในห้องให้ดูเย็นสบายมากยิ่งขึ้น


วอลเปเปอร์ติดผนังเรียบหรูลายหินอ่อน


เพิ่มความหรูหราด้วยการเลือกวอลเปเปอร์ลวดลายหินอ่อนธรรมชาติ สวยและดูแพ๊งแพง บอกเลยว่าหากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้านให้ดูเด่นสะดุดตา วอลเปเปอร์ลวดลายหินอ่อนนี่แหละตอบโจทย์สุดๆ

ภาพจาก muralswallpaper.co.uk

ที่กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างที่หยิบยกมาให้ชมกันแค่นิดหน่อยเองนะคะ ไว้วันหลังจะเอาแบบวอลเปเปอร์ติดผนังมาให้เลือกชมกันอีก เผื่อจะช่วยให้เพื่อนๆสร้างแรงบันดาลใจในการตกแต่งบ้านให้ออกมาสวยและเด่นไม่เหมือนใคร แต่งบ้านง่ายๆในสไตล์ของเราเองเนอะ!

วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เลือกชุดเครื่องนอน หลับสบาย ป้องกันสุขภาพ ให้กับวัยทำงาน

นั่งทำงานมาทั้งวัน อาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดก้น มันต้องมีกันบ้างแหละ ! ยิ่งคนที่ทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน นั่งจ้องแต่หน้าคอมแทบไมได้ลุกไหน เข้าห้องน้ำก็ยังไม่ได้เข้า มีความเสี่ยงให้เกิดโรคที่หลากหลายมาก

ภาพจาก HealthyWay

โดยเฉพาะโรคยอดฮิตสำหรับคนทำงาน คือ “ออฟฟิศ ซินโดรม” อาการตึง ปวดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เป็นผลมาจาก ไม่ได้ลุกเปลี่ยนอิริยาบถ หรือจัดท่านั่งให้ถูกต้อง การทำงานที่ต่อเนื่องหลายวัน หลายเดือน หลายปี

โดยการป้องกันโรค ออฟฟิศซินโดรม เบื้องต้น คุณสามารถทำได้ด้วยการลุกเดินเล่นบ้าง เวลาทำงานนั่งในท่าที่เหมาะสม หาเวลาออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ และกลับบ้านมานอนหลับพักผ่อน ควรเลือกที่นอนให้เหมาะสมกับสรีระร่างกายของเรา

ที่นอนกับสรีระร่างกายสำคัญอย่างไร ?


หลายคนชอบคิดว่า จะนอนที่ไหนก็เหมือนกัน เตียงนอน ที่นอน ชุดเครื่องนอน ไม่จำเป็นต้องเลือกเยอะอะไร แต่อันที่จริงแล้ว เราจะต้องคิดพิจารณาเรื่องของการเลือกที่นอน ให้เหมาะสมกับสรีระร่างกายให้เหมาะสมกับตัวเราอย่างจริงจังนะ

เพราะว่าที่นอน ที่ไม่ดี ไม่เหมาะสม อาจจะส่งผลให้อาการปวดยิ่งเพิ่มขึ้น ร่างกายบอบช้ำ กลายเป็นว่าอาการปวดยิ่งกำเริบมากขึ้นไปอีก

“ที่นอน และ ชุดเครื่องนอน”


ที่นอนและชุดเครื่องนอน เกี่ยวข้องโดยตรงกับร่างกายและสุขภาพมากกว่าที่คิด เพราะเป็นส่วนที่ต้องรองรับตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งเราใช้เวลานอนหลับบนเตียงอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งเท่ากับเวลาที่เราใช้ร่างกายในตอนกลางวัน

ภาพจาก duxiana.ca

หากเรานอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือที่อนนไม่มีคุณภาพ ไม่เหมาะสมกับสรีระ ไม่กักเก็บฝุ่น ในระยะยาวอาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคทางเดินหายใจ นอนไม่หลับ อาการตึงเครียดของกล้ามเนื่อ ทำให้คุณรู้สึกปวดหลังปวดตัวอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้นการเลือกที่นอน ชุดเครื่องนอน ที่เหมาะสมกับตัวเรา จะเป็นตัวช่วยทำให้คุณสามรนอนหลับพักผ่อนในเวลากลางคืน ได้อย่างสบายตัว โดยหลักการเลือกที่นอนให้ตอบโจทย์สุขภาพมีดังนี้…

เลือกที่นอนให้เหมาะสมกับพฤติกรรม


สำหรับคนที่มีอาการโรคภูมิแพ้ หรือเป็นคนปวดหลังบ่อยๆ ควรเลือกที่นอนเป็น ที่นอนยางพารา ด้วยผิวสัมผัสที่ยืดหยุ่น ไม่แข็ง หรือ นุ่มจนเกินไป โอบรับทุกการเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน ช่วยประคองสรีระขณะหลับนอน ลดอาการปวดหลังได้ดีเลยทีเดียว ที่นอนยางพาราเนี่ย จะเหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูดสันหลัง

คุณสมบัติอีกอย่างของที่เป็นความโดดเด่นของที่นอนยางพาราเลย คือที่นอนจะยวบตัวตามสรีระร่างกายของเรา ทำให้เวลาเราขยับตัวพลิกไปมา ไม่กระทบกระเทือนคนที่นอนข้างๆ

ภาพจาก The Home Depot Canada

คนนอนหลับยาก


สำหรับคนที่นอนหลับค่อนข้างยาก หรือขอบสะดุ้งตื่นตอนกลางคืน แล้วตาค้างไม่หลับต่อ แนะนำให้เลือกที่นอนแบบนุ่มๆ จะช่วยทำให้หลับสบายมากขึ้น แต่หากใครที่นอนค่อนข้างดิ้น พลิกตัวไปมา อาจจะปลุกให้คนข้างๆตื่นมากลางดึกก็เป็นได้

แนะนำให้ลองเลือกเป็นที่นอนยางพารา หรือที่นอนระบบ Pocket Spring ที่ทำงานแยกกันอิสระ พลิกตัวแต่ละครั้งก็ไม่กระทบกับคนข้างๆ ช่วยป้องกันแรงสั่นสะเทือนได้ดี

ภาพจาก Huffington Post

คนที่ชอบนอนอยู่ท่าเดียว


สำหรับคนที่นอนมันอยู่ท่าเดียว ตั้งแต่หลับตาลงจนถึงตื่นขึ้นในตอนเช้า อาจจะมีอาการเหน็บชาเกิดขึ้น เพราะนอนท่าเดียวจะทำให้ร่างกายมีแรงกดทับอยู่ที่เดิม ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และทำให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อในภายหลัง

แนวทางการแก้ไขของคนที่นอนท่าเดียว คือการเลือกที่นอนที่เป็นฟูกที่ผลิตจากเม็ดโฟม ที่มีคุณสมบัติคืนตัวเร็ว ใส่ชั้นรองพิเศษช่วยกระจายแรงกดทับ จะช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ไม่เกิดอาการเหน็บชา และนอนหลับพักผ่อนอย่างต่อเนื่อง ไม่เสียสุขภาพด้วยค่ะ

ภาพจาก Healthline

เลือกหมอนนอนไม่ปวดคอ


เชื่อว่าทุกคนเคยนอนตกหมอนแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ ? ตื่นเช้ามาอาการปวดคอนี่แบบทรมานม๊ากมาก บางคนหนักขนาดหันคอซ้ายขวาไมได้เลย เหมือนมีอะไรมาล็อคคอเอาไว้ให้มองตรงอย่างเดียว (ฮ่าๆ)

ดังนั้นการเลือกหมอนที่ดี จะต้องมีองศาที่เหมาะสมกับรูปร่างศรีษะของเรา รองรับคอ หลัง และสะโพก จึงช่วยให้กระดูกสันหลังรักษาระดับได้ตรงมากที่สุด ผู้เขียนเคยเห็นรายการญี่ปุ่น ที่มีการวิจัยและออกแบบการเลือกหมอน ให้เหมาะสมกับผู้ใช้แบบรายบุคคลกันเลย

ภาพจาก zeel.com

จากรายการ จะค่อยๆปรับองศาหมอนทีละนิดๆ เพื่อหาองศาที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ โดยให้ผู้ใช้ทดลองนอน เอียงซ้าย เอียงขวา และบอกความรู้สึก เพื่อคำนวณว่าหมอนลักษณะใดจะเหมาะกับเรามากที่สุด ตามไปดูคลิปกันได้ที่ > วิธีการเลือกหมอนที่ดี

สิ่งที่ควรทำกับหมอนหนุน


หมอนหนุน ควรจะเปลี่ยนใบใหม่ทุกๆ 2 ปี เพราะหมอนที่ใช้งานไปนานวันเข้า มันจะยุบตัว รูปทรงเปลี่ยน องศาที่เหมาะสมก็จะไม่เหมือนเดิม ส่งผลให้การนอนทำให้ปวดคอหรือปวดหลังได้

ภาพจาก Cool Hunting

ปกติแล้วเวลานอน เรามักจะใช้หมอนใบเดียวในการนอน แต่อันที่จริงแล้ว เราสามารถใช้หมอนได้ถึง 2-3 ใบเลย สำหรับหนุนหัว รองขา รองแผ่นหลัง เพื่อลดอาการปวดเมื่อย และหลับสนิทนอนสบายได้มากกว่าเดิม

หมอนยางพารา ก็เป็นอีกไอเทม ที่อยากให้ทุกคนได้ลองนอนหนุนกัน เพราะหมอนยางพารามีลักษณะโค้ง รับรูปร่างของศรีษะและกระดูกต้นคอ จึงทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และคืนตัวได้อย่างรวดเร็ว

เลือกชุดเครื่องนอนอย่างไรดี?


เชื่อว่าหลายคนมีอาการภูมิแพ้ เจอฝุ่นนิดหน่อยก็เริ่มมีน้ำมูก หายใจไม่ออก จามหรือไอกันเป็นประจำ ซึ่งคุณอาจจะคิดว่ เอาแค่เครื่องฟอกอากาศ และปัดกวาดเช็ดถูฝุ่นภายในบ้าน ก็น่าจะเพียงพอ แต่อันที่จริงแล้ว มันอาจจะไม่พอสำหรับห้องนอน

เพราะที่นอนหรือหมอน มีความอมฝุ่น และภายในนั้นเต็มไปด้วยไรฝุ่นจำนวนมาก เราไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้

ในปัจจุบันมีนวัตกรรมชุดเครื่องนอน ที่ทำจากผ้าป้องกันไรฝุ่น เป็นผ้าเส้นใยชนิดพิเศษที่ทอแนบชิดกันมาก จนไรฝุ่นไม่สามารถผ่านออกมาได้ ป้องกันเรื่องของไรฝุ่นและเรื่องของอาการภูมิแพ้ได้มากขึ้น การันตีมากึง 99% เลยทีเดียว

ภาพจาก Mattressify.com

จบลงแล้วกับเทคนิคและไอเดียการเลือกชุดเครื่องนอนต่างๆ ให้เหมาะสมกับตัวเราเอง พร้อมทั้งปกป้องร่างกายให้ห่างไกลจากอาการภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยบรรเทาอาการปวดทั่วทั้งร่างกาย หลังจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน ป้องกันและบรรเทาโรค ออฟฟิศซินโดรม ในกลุ่มคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว

วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เทคนิคเลือกวัสดุปูพื้นบ้าน สวยแจ่ม ตรงสเปค แบบนี้สิใช่เลย

พื้นบ้าน คือส่วนประกอบสำคัญของทุกบ้าน และเป็นส่วนประกอบที่สร้างความสวยงามให้กับภายในบ้านของเราให้ดูโดดเด่นมากขึ้นอีกด้วย คุณสามารถเพิ่มลูกเล่น เพิ่มลวดลาย ผสมผสานความสวยงามตรงตามสเปค อย่างที่คุณต้องการ

ภาพจาก Trendir

เมื่อพื้นบ้าน เป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่งบ้าน ตามท้องตลาดทั่วไปจึงมีวัสดุปูพื้นให้เลือกสรรมากมายตามรสนิยม และตามความเหมาะสม เพื่อยืดอายุการใช้งานรวมไปถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ 

บทความนี้จึงได้รวบรวมวัสดุปูพื้นบ้าน ที่น่าสนใจ พร้อมกับคุณสมบัติ และความเหมาะสมมาฝาก เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกวัสดุปูพื้นบ้านที่ดีที่สุดสำหรับบ้านของคุณ

กระเบื้องปูพื้นเซรามิค


กระเบื้องปูพื้นเซรามิค เป็นกระเบื้องปูพื้นยอดนิยม ที่แทบจะทุกบ้านเลือกนำไปใช้ปูพื้นบ้าน ด้วยคุณสมบัติแข็งแรงและทนทาน มีให้เลือกหลากหลายโทนสีและรูปทรง ทำให้กระเบื้องเซรามิค เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างจะเหมาะสำหรับทุกสถานที่

ภาพจาก tiles.co.nz

แต่กระเบื้องปูพื้นเซรามิค มีความลื่นมากหากเปียกน้ำ หากจะเลือกใช้ตกแต่งห้องน้ำล่ะก็ จะต้องพิจารณาจากค่า R หรือค่าความฝืด ให้เหมาะสม (มากกว่า R10) เพื่อความปลอดภัยนะคะ

วัสดุไม้เนื้อแข็ง


วัสดุไม้เนื้อแข็ง ไม้แดง ไม้มะค่า ไม้สัก ฯลฯ เป็นวัสดุธรรมชาติที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย มีความแข็งแรงทนทาน แต่อาจจะบิดโค้งงอหรือแตกหักได้ วัสดุไม้เนื้อแข็ง จะเหมาะสำหรับใช้ตกแต่งภายในบ้านมากกว่า

ภาพจาก Floor N More

โดยเฉพาะห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น จะช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น และเพิ่มความเป็นธรรมชาติได้มากเลยทีเดียว แต่วัสดุเนื้อไม้ หากนำมาใช้ปูพื้นแล้ว จะต้องทำการเคลือบผิวไม้ให้ดี เพื่อป้องกันความชื้นและกันน้ำ ไม่ให้แทรกซึมเข้าสู่เนื้อไม้

หินธรรมชาติ


หินธรรมชาติ เป็นวัสดุปูพื้น ที่นิยมใช้ตกแต่งสวนภายนอก แต่ภายในบ้านก็สามารถตกแต่งได้เหมือนกัน หินธรรมชาติ มีลวดลายที่สวยงาม หรูหรา แข็งแรงทนทาน มีสัมผัสที่เย็น สามารถปูบนพื้นคอนกรีตหรือพื้นไม้ได้ โดยใช้กาวยางติดกระเบื้องยึด

ภาพจาก limpezas.net

คอนกรีต

พื้นคอนกรีต ก็เป็นอีกตัวเลือกนึง ที่ช่วยสร้างบรรยากาศสไตล์รัสติกลอฟท์ให้กับการตกแต่งบ้านได้เป็นอย่างดี ในประเทศไทยค่อนข้างนิยมมาใช้ตกแต่งห้องน้ำ ห้องครัว เพราะสามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว และราคาไม่แพงอีกด้วย

เดี๋ยวนี้คนชอบตกแต่งบ้านออกแนวสไตล์ลอฟท์เผยความดิบของวัสดุต่างๆมากยิ่งขึ้น บอกเลยว่าวัสดุปูนเปลือย เป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากที่สุดเลยจ้า

ภาพจาก ventadeporcelanato.com.ar

วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

วิธีการเลือกกระเบื้องห้องน้ำอย่างปลอดภัย

หากคุณกำลังคิดที่จะออกแบบห้องน้ำใหม่ หรือทำการรีโนเวทเพราะห้องน้ำที่บ้าน ใช้มาค่อนข้างนาน และถึงเวลาที่จะปรับปรุงใหม่เสียที

ภาพจาก TrellisChicago

แต่เชื่อว่ามีหลายคนเลยทีเดยว ที่อยากจะลองเริ่มลงมือรีโนเวทห้องน้ำด้วยตัวเอง แต่ยังคงเป็นมือใหม่ ไม่มีความชำนาญเหมือนกับช่างมืออาชีพ โดยเฉพาะเรื่องของกระเบื้องห้องน้ำ ที่เป็นสิ่งสำคัญเป็นอันดับต้นเลย ในการรีโนเวทห้องน้ำ เพราะกระเบื้องห้องน้ำ นอกจากจะคำนึงถึงเรื่องของความสวยงามแล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยควบคู่กันมาอีกด้วย

การเลือกกระเบื้องห้องน้ำ


ห้องน้ำ เป็นห้องที่ควรจะใช้งานได้อย่างสะดวก แต่หากเราเลือกกระเบื้องห้องน้ำผิดไปล่ะก็ อจจะกลายเป็นห้องที่สร้างความทุกข์ใจเสียมากกว่า

ภาพจาก merchee.com

ดังนั้นการเลือกกระเบื้องมาปูพื้นห้องน้ำจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะห้องน้ำเป็นห้องที่เปียกและมีความชื้นอยู่ตลอด จึงควรคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัย เป็นอันดับต้น โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุหรือเด็ก จะต้องออกแบบอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ

กระเบื้องห้องน้ำแบบไหนดีล่ะ ?


แต่ก็อย่างที่เห็นกันล่ะค่ะ ว่ากระเบื้องห้องน้ำ มีให้เลือกเยอะแยะเต็มไปหมด แล้วเราจะเลือกกระเบื้องห้องน้ำลักษณะไหน ที่จะเพิ่มทั้งความสวยงาม และมั่นใจเรื่องของความปลอดภัยมากที่สุด

ความเรียบของกระเบื้องห้องน้ำ


การเลือกกระเบื้องห้องน้ำ จะต้องเลือกกระเบื้องที่เรียบ แต่ไม่ลื่น โดยวิธีการสังเกตุแบบง่ายๆคือ กระเบื้องปูพื้นจะมีค่ากันความลื่น (Slip Resistance) หรือความหยาบของกระเบื้องตั้งแต่ R9-R13 (ตัวเลขยิ่งมากยิ่งกันลื่นได้ดี)

ภาพจาก House Beautiful

ค่า R (R Value) เป็นค่าที่ได้มาจากการทดสอบ Ramp Test โดยทำการปูกระเบื้องบนทางลาด ในระดับองศาต่างๆ โดยกระเบื้องห้องน้ำ ควรมีค่า R ไม่ต่ำกว่า 10 จะสามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้มภายในห้องน้ำ เพิ่มความปลอดภัยให้กับคนในครอบครัวได้มากกว่า

นอกจากค่า R จะมีระบุไว้ในแคทตาลอคของกระเบื้องแล้ว คุณอาจจะใช้มือสัมผัสพื้นผิวกระเบื้องดูด้วยตัวเอง กระเบื้องควรให้สัมผัสหนืดและหยาบ คล้ายกับผิวของกระดาษทราย

ภาพจาก brucall.com

** เรื่องต้องห้าม


สิ่งที่ต้องห้ามสำหรับการเลือกกระเบื้อง้องน้ำ คือ ไม่ควรนำกระเบื้องผนังมาปูพื้นอย่างเด็ดขาด เพราะกระเบื้องผนัง จะมีเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำสูงกว่า และการรองรับน้ำหนักที่น้อยกว่า อาจจะแตกง่าย หรือไม่ทนต่อรอยขีดช่วน

กระเบื้องห้องน้ำ แผ่นใหญ่ หรือ แผ่นเล็กดี ?


อีกคำถามที่ต้องการคำตอบ คือจะเลือกกระเบื้องห้องน้ำเป็นแบบแผ่นใหญ่ๆเลย หรือเป็นแบบแผ่นเล็กดีกว่ากัน ? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องน้ำ ถ้าหากห้องน้ำที่บ้านคุณมีขนาดค่อนข้างจำกัด แนะนำเลือกใช้กระเบื้องแผ่นเล็ก จะช่วยทำให้ห้องน้ำดูกว้างมากขึ้น โทนสีเน้นสีที่ดูสบายตา อย่าเข้มมาก เพราะจะทำให้ห้องน้ำแลดูน่าอึดอัด

ภาพจาก Pinterest

ส่วนห้องน้ำกว้างๆ จะเลือกกระเบื้องห้องน้ำเล็กหรือใหญ่ก็ตามสะดวกเลย คุณสามารถ mix & match ลวดลายของกระเบื้องได้ตามใจ ในรูปแบบสไตล์ของตัวเอง

แต่อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการกันลื่นของกระเบื้องห้องน้ำ ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาด้วยนะ เพราะว่าหากคุณปล่อยปะละเลย ไม่ทำความสะอาด คราบและสิ่งสกปรก อาจจะทำให้พื้นกระเบื้องห้องน้ำลื่นได้ ดังนั้นนอกจากการเลือกวัสดุปูพื้นห้องน้ำแล้ว หลังจากการติดตั้งและใช้งาน ก็ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและความปลอดภัยของคนในครอบครัวนะคะ

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

หลักการออกแบบบ้านเย็นฉ่ำ สุขได้ทุกฤดูกาล จะร้อน จะหนาว ไม่มีหวั่น

ทุกคนก็คงจะรู้กันอยู่แล้ว ว่าบ้านเมืองเราเนี่ย มีแต่หน้าร้อน ร้อน และร้อนมาก การออกแบบบ้าน จึงต้องคิดเยอะนิดนึง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงและป้องกันความร้อน ในการอยู่อาศัย เราจะได้มีความสุขทั้งร่างกายและสุขใจไปพร้อมกัน

ภาพจาก Curbed

ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว มากยิ่งขึ้น เทรนด์การตกแต่งบ้านสมัยใหม่ นอกจากความสวยงามแล้ว ยังให้ความสำคัญกับ “สภาพอากาศ” ด้วยเช่นกัน การออกแบบบ้านที่ดี เมื่อเราเดินเข้าบ้านไปแล้ว อุณภูมิภายในบ้าน ควรเย็นกว่าอุณภูมิภายนอกประมาณ 5 องศาขึ้นไป นอกจากจะช่วยสร้างความสบายเนื้อ สบายตัว และยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ดีอีกด้วย

ภาพจาก archdaily.com

วันนี้ขอนำเสนอแนวทางพื้นฐานในการออกแบบบ้าน ที่จะสามารถช่วยปรับอุณภมิให้เย็นลงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเน้นการออกแบบให้มีความสอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศบ้านให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

วางแผนผังบ้านตามพระอาทิตย์


อันดับแรกเลยในการออกแบบบ้านเพื่อลดอุณภูมิ จะต้องวางแผนผังบ้าน ให้สอดรับกับธรรชาติอย่าง ทิศทางขึ้นลงของพระอาทิตย์ เพราะบางห้องต้องการแสงแดดเพื่อลดความชื้น ในขณะเดียวกันบางห้องต้องการความร่มรื่นและเย็นสบาย

ภาพจาก Interior Design Ideas

สภาพอากาศประเทศเรา หน้าร้อนและหน้าฝน ยาวนานมากที่สุด ตามธรรมชาติแล้ว พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก เดินทางเบี่ยงอ้อมไปทางใต้และตกทิศตะวันตก ดังนั้นด้านที่ได้รับแสงแดดร้อนมากที่สุด จะเป็นทิศใต้ และตะวันตก เหมาะกับการจัดเป็นห้องที่ต้องการลดความชื้นอย่างห้องน้ำ หรือห้องครัว

ส่วนทางทิศเหนือเฉลี่ยตลอดทั้งปี จะเป็นทิศที่ได้รับแสงน้อยมากที่สุด เหมาะกับห้องที่เราพักผ่อนตลอดทั้งวันอย่าง ห้องนั่งเล่น และ ห้องนอน

ช่องระบายอากาศ ช่องลม


การจัดวางทิศทางของห้อง หรือตั้งกำแพงเพื่อบดบังแสงเพียงอย่างเดียว ก็คงยังไม่พอสำหรับการปรับลดอุณภูมิของบ้านให้เย็นลง เพราะส่วนที่ได้รับแสงแดดมากที่สุด ไม่ใช่กำแพงบ้านอย่างที่ทุกคนคิดกันนะ แต่เป็นหลังคาบ้านต่างหาก ที่รับแสงแดดร้อนแบบเต็มๆ

ภาพจาก My Fancy House

ดังนั้นการออกแบบบ้าน ให้มีช่องระบายอากาศ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อช่วยให้อากาศหมุนเวียนเปลี่ยนถ่าย ไม่อบอ้าวอยู่แค่ภายใน บ้านที่ดี จะต้องมีช่องลมเข้า และช่องลมออก เพื่อพัดผ่านความร้อนให้ถ่ายเทออกไป ตามธรรมชาติ

โดยทิศทางของลมธรรมชาติ ปกติแล้วจะมาจากทางทิศใต้ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ 9 เดือน ส่วนทางทิศเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 3 เดือน ดังนั้นควรเพิ่มช่องลมในทิศทางดังกล่าวเพื่อให้ลมสามารถพัดผ่านเข้ามาภายในบ้านปรับบ้านให้เย็นสบายมากกว่าที่เคย

เคล็ดลับดี๊ดีต้องบอกต่อ


สำหรับทางทิศใต้ และ ตะวันตกเฉียงใต้ ถึงแม้ว่าจะได้รับลมเย็นตลอดเกือยจะทั้งปีก็จริง แต่ก็เป็นทิศที่ได้รับแสงแดดร้อนจัดแบบเต็มๆด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงควรเพิ่มช่องบังแสง ที่สามารถรับลมเข้ามาได้ด้วย อย่างพวก ไม้ระแนง หรือเป็นอิฐบล็อคช่องลม

เลือกใช้หลังคาทรงสูง


อย่างที่บอกไปแต่แรกว่า หลังคาบ้านเนี่ย เป็นจุดที่ได้รับความร้อนแบบเต็มๆ หลังคาบ้านที่ดี จึงควรมีรูปทรงที่สอดรับกับธรรมชาติ โดยหลักการแล้วมวลอากาศร้อนจะลอยตัวขึ้นสู่ที่สูงเสมอ ดังนั้นการที่มีหลังคาบ้านสูงโปร่ง ทำให้มวลอากาศลอยตัวขึ้นไปได้

ภาพจาก designservicesltd.com

และที่สำคัญคือการเพิ่มช่องระบายอากาศให้กับโถงหลังคา จะช่วยระบายความร้อนสะสมภายในบ้าน ค่อยๆถ่ายเทออก และหมุนเวียนอากาศใหม่ๆเข้ามาอยู่ตลอด

รูปทรงหลังคาบ้าน


นอกจากการออกแบบโถงหลังคาให้สูงแล้ว รูปทรงของหลังคาก็มีส่วนในการช่วยลดอุณภมิภายในบ้านด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หลังคาแบบแบนๆ จะสัมผัสกับแสงอาทิตย์โดยตรงทั้งผืน ความร้อนภายในบ้านก็จะอุณภูมิสูงกว่า หลังคาแบบมีความชัน

ภาพจาก plumtreeplace.com

ส่วนหลังคาที่มีองศาและความชัน จะเป็นหลังคาหน้าจั่ว หลังคามะนิลา หรือหลังคาแบบปั้นหยา จะสัมผัสกับแสงอาทิตย์ได้น้อยกว่า แถมยังสร้างเงาบดบังหลังคาด้านตรงข้าม ทำให้อุณภูมิและอากาศภายในบ้านเย็นตัวลง

ตัวช่วยวัสดุป้องกันความร้อน


ในเมื่อเราออกแบบบ้านตามหลักการของธรรมชาติแล้ว บ้านของเราก็เย็นลงในระดับนึงเนอะ แต่หากคุณต้องการให้บ้านมีอุณภูมิที่เย็นมากกว่าเดิมไปอีก แนะนำให้มองหาวัสดุที่เป็นตัวช่วยในกรป้องกันความร้อน มาติดตั้งเสริม หรือเลือกเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน ไม่นำ และไม่อมความร้อน เข้ามาช่วย

ภาพจาก CNY Roof Cleaning

บริเวณรอบบ้าน


บริเวณสวนรอบบ้าน ควรหลีกเลี่ยงการเทปูนซีเมนต์ เพราะว่าพื้นซีเมนต์มีคุณสมบัติอมความร้อน ส่งผลให้ยามค่ำคืน แม้ว่าพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ความร้อนก็ยังคงแผ่กระจายอยู่ตลอด ทำให้บ้านของเราร้อนอบอ้าวมากขึ้น

แนะนำว่าให้เลือกเป็นวัสดุที่มีช่องระบายอากาศ เช่น พื้นตัวหนอน พื้นอิฐ พื้นช่องลม พื้นหิน ระเบียงไม้ พื้นหญ้าสนาม หรือวัสดุอะไรก็ได้ ที่มีคุณสมบัติถ่ายเทอากาศ

ภาพจาก The Garden Inspirations

ผนังบ้าน


ผนังบ้านของเรา ก็เป็นอีกส่วนที่กระทบกับแสงแดดโดยตรง ปัจจุบันจึงมีการออกแบบพัฒนาวัสดุก่อสร้าง เพื่อที่จะทำเป็นฉนวนกันความร้อนให้กับกำแพงบ้าน อย่างเช่นผนังโฟม หรือ ผนัง 2 ชั้น และเพิ่มฉนวนใส่เอาไว้ตรงช่องว่างตรงส่วนกลาง ก็จะสามารถช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านได้ดีด้วย หรือคุณอาจจะเลือกก่อผนังด้วยอิฐมวลเบา ที่มีคุณสมบัติกันความร้อนได้ดีกว่าพวกอิฐมอญแดง

ภาพจาก prominentconstructionllc.com

นอกจากนี้ คุณอาจจะเพิ่มตัวช่วยป้องกันอีกชั้นนึง ด้วยวัสดุประเภทไม้ระแนง, บล็อคช่องลม หรือฟาซาด เพื่อช่วยกรองแสงให้มีความร้อนลดน้อยลง

หลังคาบ้าน


นอกจากการเลือกทรงหลังคาสูงโปร่งแล้ว การเพิ่มฉนวนกันความร้อนใต้โถงหลังคา จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้บ้านเรามีอุณภูมิต่ำลงได้มากขึ้น สามารถติดตั้งได้ 2 ลักษณะ คือ ติดตั้งฉนวนบนฝ้าเพดาน และ ติดตั้งฉนวนใต้แผ่นกระเบื้องหลังคา

ภาพจาก homesealni.co.uk

ปลูกไม้ยืนต้นให้ถูกทิศ


อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ ต้นไม้ ควรปลูกไว้ในทางทิศใต้ หรือ ตะวันตกเฉียงใต้ เป็นทิศที่รับแสงมากกว่าทิศอื่นๆ จะช่วยป้องกันแสงแดด ปรับอุณภูมิบ้านให้มีความเย็นสบายได้มากยิ่งขึ้น

ภาพจาก thegardeninspirations.biz

นอกจากป้องกันแดดได้ดีแล้ว ลมที่พัดผ่านกระทบกับต้นไม้และพุ่งไม้ เข้าสู่ตัวบ้าน จะถูกเปลี่ยนให้เป็นลมเย็น กรองฝุ่นละออง นอนพักผ่อนนั่งฟังเสียงต้นไม้ใบหญ้ากระทบกันแบบเพลินๆ สร้างรรยากาศผ่อนคลายให้กับบ้านได้ดีเลยทีเดียว

อ่านมาจนถึงจุดนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนคงจะเริ่มคิดตัดสินใจปรับเปลี่ยนบ้าน ให้ตรงตามเคล็ดลับที่นำมาเสนอทั้งหมดนี้ เพื่อสร้างความเย็นสบายให้กับภายในบ้าน ให้เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศของเรา ที่หน้าร้อนลากยาวตลอดแทบจะทั้งปี !

วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

4 วัสดุตกแต่งบ้านเปลี่ยนลุคเก๋าเบาๆแบบ Rustic Style

สไตล์การตกแต่งบ้านแบบรัสติก เป็นแนวการตกแต่งที่เน้นเผยเนื้อแท้ของวัสดุที่ผ่านกาลเวลายาวนาน ซึ่งคุณอาจจะเลือกใช้เป็นวัสดุที่เก่าจริงๆมาตกแต่งก็ได้ (ถ้าคุณมี) หรือ อาจจะมองหาวัสดุที่ออกแบบมาเพื่อ เลียนแบบพื้นผิวและสัมผัสที่ผ่านกาลเวลาอย่างสมจริงมาตกแต่งได้เหมือนกัน

ภาพจาก sciencerocks.info

โดยปัจจุบันมีวัสดุตกแต่งบ้านมากมาย ที่ทำออกมาเลียนแบบของเก่าๆได้อย่างสมจริง แถมยังสามารถทำความสะอาดและดูแลได้ง่ายมากกว่าด้วย วันนี้เลยอยากจะแนะนำ 4 วัสดุที่สามารถนำมาใช้ตกแต่งบ้านแนว Rustic Style เพิ่มกลิ่นอายย้อนยุคให้กับการตกแต่งภายในบ้านของคุณได้อย่างเพอร์เฟค

กระเบื้องไวนิลลายไม้เก่า


กระเบื้องยาง หรือ กระเบื้องไวนิล ลวดลายไม้เสมือนจริง อีกทั้งยังสามารถติดตั้งได้ง่ายและสะดวกมากๆ ซึ่งตามท้องตลาดก็มีให้เลือกลวดลายค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และลวดลายไม้เก่า ก็เป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะมากสำหรับการตกแต่งบ้านสไตล์รัสติก เติมบรรยากาศบ้านได้ราวกับผ่านกาลเวลามาหลายยุคหลายสมัยเลย

ภาพจาก evermotion.org

วอลเปเปอร์ลายปูนเก่า


วอลเปเปอร์เป็นอีกไอเทม ที่ช่วยเปลี่ยนลุคบ้านของเราได้แบบ หน้ามือเป็นหลังมือ สำหรับคนที่ชื่นชอบความดิบของปูนเปลือย หรือลวดลายของอิฐปูน แนะนำให้เลือกเป็นวอลเปเปอร์ที่ทำลวดลายเลียนแบบเหมือนกับอิฐบล็อค หรือพื้นผิวปูนมาตกแต่งกำแพง

ภาพจาก snaidero.com

ซึ่งพื้นผิวสัมผัสและลักษณะนูนต่ำที่ให้มิติแสงเงาได้อย่างสมจริง มองเผินๆ บอกเลยว่าแยกไม่ออกว่าอันนี้ปูนเก่าจริง หรือเป็นปูนเก่าปลอม บอกเลยว่าสวยเรียบเนียนมาก

กระเบื้องผิวสนิม


กระเบื้องพื้นและผนัง ไม่ได้มีให้เลือกเพียงแค่ผิวเรียบเท่านั้น เพราะเดี๋ยวนี้ มีเทคนิคการเคลือบที่ทำให้ดูคล้ายกับสนิม จึงให้อารมณ์ดิบเท่ห์แนว Rustic Loft ผสมผสานสองสไตล์ความดิบ เข้ากันได้อย่างลงตัว

ภาพจาก billielourd.org

กระเบื้องผิวสนิม เป็นอีกตัวช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับการตกแต่งบ้าน กระเบื้องผิวสนิมที่มองดูเหมือนผิวด้านๆ ลวดลายของแต่ละแผ่นก็แตกต่างกันอย่าง Unique ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน

ลามิเนตทองแดง


รู้ไหมว่าแผ่นลามิเนต นอกจากมีลวดลายไม้แล้ว ยังมีแบบทองแดงให้เลือกด้วยนะ สามารถนำไปใช้กรุผนัง ท็อปโต๊ะ ท็อปครัว ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ สะท้อนผิวทองแดงโดดเด่นสะดุดตา บอกเลยว่า ใครเห็นเป็นต้องทัก ตกหลุมรักทุกสายตา

ภาพจาก yandex.ru

และนี่เป็น 4 วัสดุยอดนิยม ที่หากต้องการตกแต่งบ้านสไตล์รัสติก ต้องหยิบมาใช้งานตกแต่งอย่างน้อย 1 ใน 4 อย่างแน่นอน คุณสามารถเลือกชมสินค้าสำหรับตกแต่งบ้าน แบบครบงจร รบรวมเอาไว้ในที่เดียว ช้อปปิ้งสะดวก่ผานช่องทางออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Homepro.co.th

วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เทคนิคการเลือกพรมปูพื้น รู้ไว้ ไม่เสียหาย !

การเลือกพรมปูพื้น ไม่ได้เลือกแค่ความสวยงามเท่านั้นนะ แต่จะต้องเลือกพรมปูพื้นที่เข้ากันดีกับการตกแต่งบ้าน ที่ยิ่งช่วยเสริมให้บรรยากาศภายในห้องแลดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

ภาพจาก Fargotex

แต่หลายคนชอบบอกว่า พรมปูพื้นค่อนข้างที่จะทำความสะอาดยาก ถ้าคิดจะเอามาปูจริงๆ อาจจะต้องพิจารณาหลายตลบสักหน่อย ดังนั้นบทความนี้ จึงขอหยิบยกประโยชน์ในการปูพรมปูพื้นที่บ้าน เพื่อที่จะช่วยให้ทุกคนพิจารณาและตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น

พรมปูพื้นมีดียังไง ?


  • พรมปูพื้น สามารถเปลี่ยนจากห้องแสนธรรมดา ให้ดูหรูหราขึ้นมาได้ในพริบตาเดียว
  • พรมปูพื้นที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม ตัดกับพื้นแข็งๆ ทำให้บรรยากาศห้องแลดูอ่อนโยนและผ่อนคลายมากขึ้น
  • เพิ่มสัมผัสอ่อนนุ่มให้กับเท้าของเรา ป้องกันอุบัติเหตุลื่นล้มได้ในระดับหนึ่ง
  • สีของพรมปูพื้น ถ้าเลือกให้ดีๆ รับรองว่าช่วยเพิ่มความสดใสและความมีชีวิตชีวาให้กับการตกแต่งห้องได้แน่นอน
  • เหมาะมากสำหรับห้องดูหนังฟังเพลง การปูพรมปูพื้นสามารถช่วยดูดซับเสียงได้
  • ช่วยรักษาอุณภูมิภายในห้อง ทำให้แอร์ไม่ทำงานหนัก ประหยัดค่าไฟ

ภาพจาก Fargotex


พรมปูพื้นกับลักษณะการใช้งาน


สิ่งที่จะต้องพิจารณาก่อนที่จะเลือกพรมปูพื้นมาใช้งาน คือเราจะต้องตอบก่อนว่า เอาพรมไปตกแต่งห้องอะไร ห้องขนาดเท่าไหร่ เพื่อเลือกพรมปูพื้นที่มีลักษณะและคุณสมบัติการใช้งานที่เหมาะสมมากที่สุด

พรมปูพื้นห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก


ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก เป็นเหมือนกับหน้าด่านเวลาใครมาเยี่ยมบ้านเรา ก็จะต้องมานั่งพักผ่อนที่ห้องนี้แหละ ดังนั้นการเลือกพรมปูพื้นสำหรับห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก ควรอิงจากพื้นที่การจัดวางของโซฟาเป็นหลัก

ภาพจาก themonumentview.net

แนะนำให้เลือกขาดที่ใหญ่ครอบคลุมพื้นที่รอบๆโซพา แต่ถ้าหากกาพรมปูพื้นขนาดใหญ่ไม่ได้ ก็เลือกวางให้เลยออกมาด้านหน้าโซฟาเล็กน้อยก็ได้

พรมปูพื้นที่เหมาะสำหรับห้องนั่งเล่น กับห้องรับแขก ควรเป็นพรมขนสั้น หรือผิวเรียบ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการใช้งานและโดนกดทับบ่อยครั้ง แถมทความสะอาดได้ง่ายด้วยค่ะ

พรมปูพื้นห้องรับประทานอาหาร


ห้องรับประทานอาหาร แน่นอนว่าอาจจะต้องมีเลอะเทอะเปรอะเปื้อนกันบ้างแหละ ดังนั้นการเลือกพรมปูพื้นมาตกแต่งบริเวณห้องรับประทานอาหารนั้น ควรเลือกพรมปูพื้นแบบขนสั้น หรือพรมแบบผิวเรียบ ที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายมากกว่า

ภาพจาก verambelles.com

ลักษณะและรูปทรงของพรมปูพื้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของโต๊ะกินข้าว และเก้าอี้ ว่ามีความกว้างขนาดไหน โต๊ะเป็นรูปทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม หรือทรงสี่เลี่ยมผืนผ้า ให้เลือกพรมปูพื้นตามรูปทรงของโต๊ะกินข้าวเลยจะเหมาะมากที่สุด

พรมปูพื้นห้องนอน


เดินทางมาถึงห้องนอน ที่ต้องการบรรยากาศผ่อนคลาย เพื่อช่วยให้การนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายมากที่สุด แนะนำให้เลือกเป็นพรมปูพื้นลักษณะนุ่มฟู ขนหนาแน่น ขนาบข้างเตียงนอนทั้ง 2 ด้าน เวลาเราเดินขึ้นเตียงนอน เท้าของเราสัมผัสกับพรมปูพื้นนุ่มๆ บอกเลยว่าฟินสุด

ภาพจาก designdeveloprealize.com

เลือกพรมปูพื้นจากวัสกุของพรม


หลังจากที่วางแผนแล้วว่า แต่ละห้องเราจะปูพรมอย่างไร ทีนี้ เราก็มาดูกันในเรื่องของวัสดุที่ใช้ ว่าพรมชนิดไหนมีลักษณะอย่างไร เหมาะกับการใช้งานแบบใดบ้าง

พรมปูพื้นไนลอน (Nylon)


ถ้าพูดถึงเรื่องของความทนทานและได้รับความนิยมมากที่สุด ก็ต้องยกให้พรมปูพื้นไนลอนเลยค่ะ นั้นเพราะคุณสมบัติที่ทั้งป้องกันน้ำ รอยชีดช่วน เชื้อราและสารเคมี แถมยังมีหลายสี หลากดีไซน์ หากเปรียบเทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าราคาค่อนข้างโอเคเลยทีเดียว

ภาพจาก Three Little Dogs Flooring and Interiors

พรมปูพื้นโพลีโพรไพลีน (Polypropylene)


พรมปูพื้นโพลีไพรลีน เป็นพรมที่ได้รับบความนิยมรองลงมาจากพรมไนลอน ที่มีคุณสมบัติเด่นในการป้องกันคราบสกปรกต่างๆ มากที่สุด จึงเหมาะกับบริเวณที่ได้รับการกดทับและใช้งานค่อนข้างหนัก อย่าง ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก เป็นต้น

ภาพจาก enolivier.com

ถ้าหากอยากได้พรมปูพื้นสำหรับปูในห้องนอน ก็ขอแนะนำให้เลือกพรมชนิดนี้ เพราะด้วยสัมผัสที่นุ่มฟู ดูหรูหราและมีคุณสมบัติในการกันน้ำ และดักจับฝุ่นเป็นเลิศอีกด้วย แต่การทำความสะอาดนั้นค่อนข้างยาก ไม่เหมาะกับห้องที่ใช้งานหนัก

พรมปูพื้นโพลีเอทิลีน (Polyethylene)


พรมปูพื้นโพลีเอทิลีน เป็นพรมที่รักษ์โลก ได้ชื่อว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมีการใช้พลาสติกรีไซเคิลมาเป็นวัสดุในการผลิต ซึ่งข้อดีก็คือสามารถป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ราคาไม่สูง แต่หากพูดถึงผิวสัมผัส จะไม่นุ่มเหมือนกับพรมปูพื้นชนิดอื่นนะ

ภาพจาก Fresh American Style - Annie Selke

พรมขนสัตว์ (Wool)


สำหรับคนที่ชื่นชอบความหรูหรา หนานุ่ม และแข็งแรงทนทาน แนะนำเป็นพรมขนสัตว์ 100% ที่ราคาอาจจะแพงไปสักหน่อย แต่ไม่ค่อยสนับสนุนสักเท่าไหร่นะ เพราะว่ามันเป็นเบียดเบียนชีวิตของสัตว์ตัวนึง เพื่อที่จะนำมาประดับบ้านให้สวย ก็ค่อนข้างที่จะสะเทือนใจ

พรมปูพื้นอะคริลิก (Acrylic)


แต่หากใครที่ชื่นชอบความสวยงามของขนสัตว์จริงๆ แนะนำให้เลือกเป็นพรมปูพื้นอะคริลิก จะดีกว่า สามารถใช้งานทดแทนได้ เพราะเป็นพรมปูพื้นที่มีลักษณะคล้ายกัน ถึงแม้ว่าความทนทานอาจจะสู้ไม่ได้ แต่หากพูดถึงเรื่องของความสวยงามละก็ ไม่แพ้แน่นอน


การเลือกโทนสีพรมปูพื้นให้เหมาะสม


หลังจากเราทำความรู้จักกับรูปแบบการปูพรม และประเภทของพรมปูพื้น ลักษณะการใช้งานไปแล้ว อันดับต่อมาคือการเลือกโทนสีของพรมปูพื้น เพราะห้องแต่ละห้อง ก็มีการตกแต่งที่แตกต่างกัน การเลือกสีของพรมปูพื้นให้เหมาะสม จะช่วยเสริมให้บ้านของเราสวยและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

พรมปูพื้นโทนสีอ่อน


หากห้องของคุณไม่กว้างขวางมากนัก แนะนำให้เลือกพรมปูพื้นเน้นโทนสีอ่อนๆ ที่จะช่วยทำให้ห้องแลดูกว้างมากขึ้น ดูสว่างและสบายตา ผ่อนคลาย แต่พรมปูพื้นโทนสีอ่อน จะไม่เหมาะกับห้องที่ต้องเจอฝุ่น หรือคราบสกปรกเยอะๆ เพราะจะเห็นชัดเจนมาก

ภาพจาก cheap area rugs, large area rugs, target area rugsHome Improvement

พรมปูพื้นโทนสีปานกลาง


สีกลาง เป็นสีที่เหมาะสำหรับตกแต่งแทบจะทุกห้อง มีความกลมกลืนเข้ากันดีกับเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงส่วนอื่นๆภายในห้องอีกด้วย ดูไม่โดดเด่นสะดุดตามากจนเกินไป


พรมปูพื้นโทนสีเข้ม


พรมปูพื้นโทนสีเข้ม อาจจะทำให้ห้องแลดูมืดๆ แต่จะเพิ่มความหรูหราให้กับการตกแต่งห้องให้ดูเป็นทางการ ดูโมเดิร์น และยังไม่ค่อยเห็นรอบคราบสกปรกที่อาจเกิดขึ้นได้ แอบซ่อนได้เนียนเชียวล่ะ

ภาพจาก overstock.com

ทีนี้เราก็พอจะทราบกันแล้วเนอะ ว่าพรมปูพื้นลักษณะไหน ที่จะเหมาะกับการตกแต่งบ้านของเรามากที่สุด หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆสามารถตัดสินใจเลือกซื้อพรมปูพื้นสวยถูกใจ มาตกแต่งบ้านให้เป๊ะปัง เปลี่ยนบรรยากาศบ้านให้ดูน่าค้นหามากยิ่งขึ้นค่ะ