วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

“พื้นไม้ลามิเนต” ตัวช่วยเสริมบ้านดูดี แบบนี้สิถูกใจ!

พื้นไม้ลามิเนต เป็นวัสดุตกแต่งพื้นบ้านลวดลายไม้ธรรมชาติ เป็นตัวเลือกที่หลายคนเลือกใช้ตกแต่งพื้นบ้านให้ดูสวยทันสมัย เห็นลวดลายไม้สวยๆแบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ไม้แท้ 100% นะ อย่าเข้าใจผิด เพราะไม้ลามิเนตผลิตจากกรรมวิธีบีบอัดไม้จากป่าปลูกด้วยความแรงสูง โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย


คุณสมบัติพื้นไม้ลามิเนต


คุณสมบัติหลักๆของพื้นไม้ลามิเนต ก็คือสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว มีน้ำหนักเบา ลวดลายสวยงาม และมีความทนทานสามรถใช้งานได้หลายปี แต่การติดตั้งจะต้องพึ่งพาช่างมืออาชีพ เนื่องจากหากติดตั้งไม่ดีแล้ว พื้นไม้ลามิเนตอาจจะมีปัญหาโก่งนูน ยวบยุบ ซึ่งปัญหาตรงส่วนนี้จะต้องทำการป้องกันเอาไว้ก่อนตั้งแต่ตอนติดตั้ง

อย่างที่บอกไปแต่แรกว่าพื้นไม้ลามิเนต ผลิตจากกรรมวิธีบีบอัดด้วยแรงสูง โดยจะทำการบีบอัดส่วนประกอบต่างๆให้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด 4 ชั้น ได้แก่

ชั้นที่ 1 วัสดุเคลือบผิวหน้า เป็นชั้นที่ป้องกันรอยขีดข่วนและเสริมความแข็งแรงให้กับพื้นไม้ลามิเนต

ชั้นที่ 2 ผิวลายไม้ เป็นชั้นที่คล้ายกับวัสดุ PVC เป็นลวดลายไม้ธรรมชาติสวยงาม มีให้เลือกหลากหลายเฉดสี ปิดทับไม้ HDF ที่อยู่ในชั้นถัดไป

ชั้นที่ 3 เป็นชั้นไม้ HDF (High Density Fiber) ไม้อัดแข็งที่มีความหนามากที่สุด

ชั้นที่ 4 แผ่นรองพื้นไม้ เป็นแผ่นที่มีลักษณะเหมือนกับโฟม สำหรับการปรับระดับพื้น และช่วยป้องกันความชื้นจากคอนกรีต

ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต


พื้นไม้ลามิเนต นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจเลือกวัสดุปูพื้นบ้านกันอยู่ “ไม้ลามิเนต” เป็นตัวเลือกที่ควรค่แก่การนำมาใช้งาน รับรองเลยว่าไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะ…

  • ผิวหน้าของไม้ลามิเนตทนทานต่อรอยขีดข่วน และทนต่อกรงเล็บของสัตว์เลี้ยง
  • เคลือบผิวด้วย wear layer ทนต่อขี้เถ้าบุหรี่และความร้อน มีความทนทานสูง
  • การติดตั้งเป็นแบบคลิกล็อค ติดตั้งได้ง่าย รวดเร็ว และสะดวกสบาย
  • สามารถติดตั้งทับกระเบื้องเก่าได้เลย
  • ปลอดสาร Dioxins เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
  • ทนทานต่อแรงกดทับ
  • ทนต่อแสงแดด สารเคมีและไม่ติดไฟ
  • ไม่เกิดเชื้อรา แบคทีเรียและเชื้อโรค ที่สำคัญคือไม่อมฝุ่น
  • ดูแลรักษาง่ายกว่าที่คุณคิด


พื้นไม้ลามิเนตดูแลรักษาอย่างไร?


การดูแลรักษาพื้นไม้ลามิเนตหลังติดตั้ง ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลายคนคิดกัน การดูแลรักษาควรเริ่มตั้งแต่ตอนติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตเลย ควรเว้นระยะห่างจากเส้นรอบวงของบริเวณที่ปูเอาไว้สักประมาณ 1 เซนติเมตรเผื่อเอาไว้สำหรับการขยายตัวของไม้ลามิเนตหากอุณภูมิเปลี่ยนแปลง รวมถึงระยะห่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ด้วย


บางคนชอบคิดว่าไม้ลามิเนตห้ามถูพื้น เพราะน้ำอาจจะทำให้ตัวไม้ชื้นและบวมได้ แต่อันที่จริงสามารถถูพื้นได้ตามปกติเหมือนกับกระเบื้องทั่วไป แต่หากทำน้ำหกก็ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้นาน ต้องเช็ดทำความสะอาดทันที ป้องกันการไหลซึมของน้ำ

การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ไม่ควรลากไปตามพื้น เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นไม้ลามิเนตได้ ทางที่ดีหาผู้ช่วยมาช่วยยกเคลื่อนย้ายจะดีที่สุด และหากเป็นไปได้ให้ใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เพื่อลดโอกาศการเกิดรอยขีดข่วน

บริเวณที่ติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตโดนแสงแดดโดยตรงผ่านทางหน้าต่าง แนะนำให้ปิดม่านบังแดดเอาไว้ หากคุณต้องการให้ลวดลายสีสันของพื้นไม้ลามิเนตสวยเหมือนใหม่อยู่เสมอ เพราะไม้ลามิเนตอาจจะสีซีดลงได้หากโดนแดดเปนระยะเวลานาน

ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับพื้นไม้ลามิเนตที่คุณควรทราบกันก่อนตัดสินใจเลือกซื้อมาติดตั้งที่บ้าน โดยหากคุณกำลังมองหาไม้ลามิเนตลดราคาถูก และรับประกันคุณภาพ ลองแวะเข้ามาเลือกชมสินค้ากันได้ที่ www.homepro.co.th

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

เทคนิคเลือกสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำสำหรับบ้านเรือน

สุขภัณฑ์ เป็นอุปกรณ์ห้องน้ำที่เราใช้งานกันแทบจะตลอดเวลา โดยในแต่ละวันเราจะใช้น้ำสะอาดปริมาณมากกว่า 300 ลิตร/ต่อคน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่ออาบน้ำ หรือใช้เพื่อกดชักโครก ปริมาณน้ำที่เราใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันนั้นค่อนข้างมากเลยทีเดียว ดังนั้นสุขภัณฑ์ที่ดีควรออกแบบมาให้สามารถประหยัดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ใช่เพียงเพื่อประหยัดค่าน้ำเพียงเท่านั้น แต่ก็เพื่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด


เลือก “สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ” ยังไงดี?


เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสุขภัณฑ์ที่เราจะเลือกใช้ เป็นสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ? ให้เราสังเกตุง่ายๆตรงที่ฉลากประหยัดน้ำ ที่ผ่านการรับรองจากการประปานครหลวง โดยมีการกำหนดประสิทธิภาพอุปกรณ์ประหยัดน้ำไว้ 3 ระดับ คือ เบอร์ 3 4 และ 5 เหมือนกับฉลากประหยัดไฟ ฉลากรับรอง มอก. หรือ ให้สังเกตุจากฉลากเขียว พร้อมกับพิจารณาอัตราการใช้น้ำของสุขภัฑ์ ทดสอบการใช้งานก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ

โถสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ


โถสุขภัณฑ์ในปัจจุบัน ก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ และลักษณะการใช้งาน สามารถอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่การจะเลือกโถสุขภัณฑ์ที่สามารถประหยัดน้ำจะต้องพิจารณาจากอะไร?

สิ่งแรกที่ต้องสังเกตุเลยก็คือฉลากประหยัดน้ำ หรือฉลากรับรองจาก มอก. ติดไว้หรือไม่? หากมีติดไว้นั้นแสดงว่าโถสุขภัณฑ์ดังกล่าวเป็นสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำจริง โดยการชำระล้างแต่ละครั้งต้องไม่เกิน 6 ลิตร โดยระบบชำระล้างของโถสุขภัณฑ์หลักๆแล้วมีให้เลือกอยู่ 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่


โถสุขภัณฑ์แบบ Wash Down


โถสุขภัณฑ์แบบ Wash Down เป็นระบบการชำระล้างด้วยการใช้น้ำใหม่แทนที่น้ำเก่า สามารถช่วยประหยัดน้ำได้มาก เพราะการกดชำระล้างแต่ละครั้งใช้น้ำเพียง 3 ลิตรเท่านั้นการชำระแบบเบา และในกรณีชำระล้างแบบหนักก็จะใช้น้ำประมาณ 6 ลิตร โดยปุ่มกดจะเป็นแบบ Dual Flush ที่มีปุ่มให้เลือกว่าจะกดน้มากหรือน้อย

โถสุขภัณฑ์แบบ Siphonic Wash Down


โถสุขภัณฑ์แบบ Siphonic Wash Down เป็นระบบการชำระล้างที่ใช้หลักการเหมือนกับกาลักน้ำ เมื่อเรากดปุ่มชักโครก ระบบกาลักน้ำจะทำให้เกิดแรงดึงดูดในท่อคอห่าน เป็นระบบที่สามารถทำความสะอาดได้รวดเร็ว แต่ใช้ปริมาณน้ำประมาณ 6 ลิตร


โถสุขภัณฑ์แบบ Siphon Jet


โถสุขภัณฑ์แบบ Siphon Jet เป็นระบบการชำระล้างที่ทำได้อย่างรวดเร็วมากกว่าระบบอื่น โดยใช้รู JET เป็นตัวช่วยในการส่งน้ำ และเกิดแรงดูดอย่างรวดเร็ว การชำระล้างในแต่ละครั้งก็จะใช้น้ำปริมาณ 6 ลิตรไม่ว่าจะเป็นการชำระล้างแบบหนักหรือเบา

โถสุขภัณฑ์แบบ Siphon Vortex


โถสุขภัณฑ์แบบ Siphon Vortex เป็นระบบการชำระล้างที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่มีการใช้ปริมาณน้ำมากที่สุดถึง 9 ลิตรเลยทีเดียว ระบบ Siphon Vortex จะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว โดยตัวถังพักน้ำจะอยู่ต่ำกว่าระบบอื่น การกดชำระล้างจึงมีความเงียบ ไม่ส่งเสียงรบกวน

อ่านข้อมูลประเภทสุขภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ > เลือกสุขภัณฑ์ชักโครกอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน ?

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562

ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น ตัวเลือกสำหรับอาคารบ้านเรือน

ฉนวนกันความร้อนเป็นวัสดุก่อสร้างที่ช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้เข้าสู่ภายในบ้านได้ ดังนั้นหากที่บ้านของคุณทำการติดตั้งนวนกันความร้อน แน่นอนว่าภายในบ้านจะเย็นสบายมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน แต่ฉนวนกันความร้อนก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆคือ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น และ ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น


โดยข้อมูลเกี่ยวกับฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความก่อนหน้า: ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น มีกี่ประเภท? ในส่วนของฉนวนกันความร้อนแบบพ่น เราจะมาเจาะข้อมูลรายละเอียดกันในบทความนี้กัน … หากคุณพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย!

ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า โฟมกันความร้อน เป็นที่นิยมอย่างมากในการติดตั้งสำหรับอาคารและโรงงานต่างๆ ความโดดเด่นของฉนวนกันความร้อนแบบพ่นคือสามารถฉีดพ่นโฟมเข้าถึงทุกซอกทุกมุมตามความต้องการ และยังสามารถผสมพวกสารป้องกันแมลงต่างๆลงในโฟมได้ด้วย 

เพื่อป้องกันการเกิดแหล่งเพาะพันธ์ของแมลงต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การติดตั้งฉนวนกันความร้อนแบบพ่น จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง โดยฉนวนกันความร้อนแบบพ่น จะมีให้เลือกใช้งานอยู่ 2 ประเภท ได้แก่

ฉนวนกันความร้อนเซรามิคเซรามิคโค๊ตติ้ง


ฉนวนกันความร้อนเซรามิค หรือ เซรามิคโค๊ตติ้ง เป็น สีสะท้อนความร้อน ที่มีการผสมเข้ากับอะคริลิคและสารต้านทานรังสีความร้อนสูง สำหรับใช้พ่นเคลือบกระเบื้องหลังคา ดาดฟ้าบ้าน หรือผนังบ้าน มีคุณสมบัติในการยึดเกาะพื้นผิวได้ดี

แต่ฉนวนกันความร้อนเซรามิคทำหน้าที่เพียงสะท้อนความร้อนเท่านั้น แนะนำให้ติดตั้งควบคู่ไปกับฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนภายในอาคารบ้านเรือนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ


ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ เป็นฉนวนกันความร้อนที่ผลิตมาจากเยื่อไม้ เยื่อกระดาษธรรมชาติ เป็นโฟมกันความร้อนสำหรับฉีดพ่นเพิ่มความหนาให้กับฝ้าเพดานหรือหลังคาบ้าน มีคุณสมบัติรองรับทุกสภาพผิว พร้อมทั้งผสมสารป้องกันปลวกแมลงและสารชลอการลามไฟ

ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ สามารถทนความร้อนได้สูง ทนกรดทนด่างได้ดี และสามารถกันเสียงสะท้อนได้อีกด้วย แต่ฉนวนประเภทนี้ไม่ทนต่อน้ำ ดังนั้นการติดตั้งจึงต้องคอยระวังเรื่องรอยรั่วต่างๆ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม ที่จะทำให้ฉนวนกันความร้อนเบื่อกระดาษเสื่อมประสิทธิภาพ


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โฟม PU หรือ โฟมเหลือง เป็นโฟมกันความร้อนที่มีคุณสมบัติทนต่อความชื้น ทนกรดด่างได้ดี ไม่ลามไฟ และสามารถกันสนิมได้อีกด้วย โดยโฟมเหลืองมีให้เลือกทั้งแบบแผ่นและแบบพ่นให้ใช้งาน

ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทนแบบพ่น จะใช้ฉีดพ่นบนฝ้าเพดาน หลังคาบ้านและใต้หลังคา เพื่อป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านและอาคาร โดยการติดตั้งจะต้องพึ่งบริษัทผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการ


หากคุณมีความสนใจต้องการติดตั้งฉนวนกันความร้อน แนะนำให้เข้ามาเลือกชมฉนวนกันความร้อนลดราคาถูกได้ที่ Homepro.co.th สั่งสินค้าออนไลน์พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้านรวดเร็ว รับประกันคุณภาพสินค้า ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1284

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น มีกี่ประเภท?

จากบทความก่อนหน้า ฉนวนกันความร้อน แบบไหนกันร้อนได้ดี พี่นี้อยากแนะนำ ! เราก็ได้เรียนรู้กันคร่าวๆแล้วว่า ฉนวนกันความร้อนคืออะไร และมีคุณสมบัติอะไรบ้าง โดยฉนวนกันความร้อนก็สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นน และ ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น

โดยในบทความนี้จะขอหยิบยกรายละเอียดแบบเจาะลึกกันในหัวข้อ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น ว่ามีกี่ประเภทและมีคุณสมบัติอะไรที่โดดเด่นบ้าง? ถ้าหากคุณพร้อมแล้ว เรามาเริ่มไปพร้อมกันเลย!


ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นฉนวนที่มีราคาให้เลือกหลายระดับ หาซื้อได้ง่าย แถมติดตั้งไม่วุ่นวายอีกด้วย โดยปกติแล้วฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะติดตั้งไว้บนฝ้าเพดานหรือใต้หลังคา ระยะสูงกว่า 1 เมตรขึ้นไป โดยฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะมีอยู่ 4 ประเภท

ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว


ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว เป็นฉนวนที่ห่อหุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์สามารถดูดซับความร้อน รวมถึงดูดซับเสียงสะท้อนได้ดี ฉนวนใยแก้วเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะราคาไม่แพง แถมทนความร้อนได้ค่อนข้างสูง เป็นวัสดุไม่ติดไฟ และสามารถป้องกันความชื้นและเชื้อราได้ดีเยี่ยม


อีกทั้งยังสามารถติดตั้งได้ง่าย คุณเองก็สามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเอง โดยปกติแล้วฉนวนใยแก้วจะติดตั้งใต้หลังคา ฝ้าเพดานและผนังบ้าน โดยการติดตั้งหากพบรอยฉีกขาด จะต้องใช้เทปกาวปิดให้สนิทเพื่อป้องกันความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉนวนกันความร้อนใยแก้วเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น

ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์


ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ แผ่นสะท้อนความร้อน มีความเหยียวยืดหยุ่นไม่ฉีกขาดง่าย ไม่ลามไฟ และสามารถติดตั้งได้ง่ายโดยใช้คู่กับอลูมิเนียมฟอยล์เทป แบบหุ้มฟอยล์ 2 ด้านเพื่อป้องกันการติดไฟและกันความร้อนได้สูงสุด โดยปกติแล้วจะติดตั้งไว้ที่ใต้หลังคาบ้าน นอกจากนี้ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์ยังมีราคาที่ถูกกว่าฉนวนใยแก้ว ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก เหมาะสำหรับคนอยากประหยัดงบประมาณ


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีน


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีน หรือ โฟม PE เป็นโฟมกันความร้อนแบบหนา มีความเหนียมนุ่ม ห่อหุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์สะท้อนความร้อน มีคุณสมบัติทนต่อแรงกระแทก ทนต่อการกัดกร่อนของกรดและความชื้น ที่สำคัญคือไม่ลมไฟ

โฟม PE เป็นที่นิยมใช้ติดตั้งตามโรงงาน แต่ช่วงหลังก็เริ่มนิยมมาใช้ติดตั้งกับบ้านเรือนมากขึ้น เนื่องจากฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีนมีราคาที่ไม่แพงมาก ติดตั้งง่ายและสามารถป้องกันความร้อนได้ดีเยี่ยม


ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม


ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โฟม PS, โฟม EPS, โฟมขาว และ แผ่นฉนวนสำเร็จรูป ลักษณะโดยรวมจะคล้ายกับแผ่นพลาสติกที่หุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ทั้งสองด้าน เป็นโฟมกันความร้อนและความเย็นได้ในตัว น้ำหนักเบา ไม่ลามไฟ สามารถติดตั้งเคลื่อนย้ายได้ง่าย

ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม มีจำหน่ายทั้งแบบแผ่นหรือแบบติดคู่มากับแผ่นยิปซัม สามารถประยุกต์ใช้เป็นฝ้าเพดาน หรือต่อเติมเป็นผนังบ้านได้เลย โดยไม่ต้องใช้ฉนวนอื่นเพิ่มเติม


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า โฟม PU หรือ โฟมเหลือง เป็นโฟมกันความร้อนที่มีให้เลือกทั้งแบบแผ่นและแบบพ่น เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีคุณสมบัติทนความร้อน ทนความชื้นและกรมด่าง สามารถกันสนิมได้ และไม่ลามไฟ นิยมติดตั้งไว้ใต้หลังคาบ้าน


หากคุณสนใจอยากติดตั้งฉนวนกันความร้อนไว้ที่บ้าน ลองแวะเข้ามาเลือกสินค้าฉนวนกันความร้อนคุณภาพ คัดสรรจากแบรนด์ชั้นนำทั่วประเทศที่เว็บ Homepro.co.th สั่งซื้อสินค้าออนไลน์พร้อมบริการจัดส่งได้เลยทันที!

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562

ฉนวนกันความร้อน แบบไหนกันร้อนได้ดี พี่นี้อยากแนะนำ !

ฉนวนกันความร้อน (Insulation) คือ วัสดุที่ใช้สำหรับป้องกันความร้อนสำหรับบ้านเรือนทั่วไป ฉนวนกันความร้อนมีคุณสมบัติในการต้านทานพลังงานความร้อนช่วยทำให้บ้านของเราเย็นสบายมากกว่าเดิม ในปัจจุบันฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว, อลูมิเนียมฟอยล์, แผ่นสะท้อนความร้อน และ โฟมกันความร้อน เป็นต้น


ฉนวนกันความร้อน ใช้สำหรับติดตั้งใต้หลังคาบ้าน ฝ้าเพดาน หรือผนังกำแพงบ้าน นอกจากจะช่วยป้องกันความร้อนได้ดีแล้ว ยังสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย เพราะเมื่อบ้านของเราเย็นแล้ว เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดแอร์ตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อน!

ประเภทฉนวนกันความร้อน


อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าฉนวนกันความร้อนเป็นวัสดุก่อสร้างที่สามารถช่วยลดอุณภูมิภายในบ้านได้ดีเยี่ยม แต่ฉนวนกันความร้อนก็มีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แล้วฉนวนแบบไหน ที่จะเหมาะกับการใช้งานที่บ้านของเราที่สุดกันล่ะ? บทความนี้มีคำตอบจ้า

ฉนวนกันความร้อนทั่วไปจะแบ่งออกหลักๆเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น และ ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น…

1. ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นฉนวนที่มีราคาให้เลือกหลายระดับ หาซื้อได้ง่าย แถมติดตั้งไม่วุ่นวายอีกด้วย โดยปกติแล้วฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะติดตั้งไว้บนฝ้าเพดานหรือใต้หลังคา ระยะสูงกว่า 1 เมตรขึ้นไป โดยฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว, ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์, ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีน และ ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม ในส่วนของรายละเอียดของฉนวนแบบแผ่นแต่ละประเภทในบทความหน้านะคะ :)


2. ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นและแบบพ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นและแบบพ่น คือ ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน หรือ โฟมเหลือง มีให้เลือกใช้งานทั้งแบบแผ่นและแบบพ่นตามความต้องการ มีคุณสมบัติทนความชื้น ทนกรดด่าง ไม่ลามไฟ และป้องกันสนิมได้ โดยฉนวนโฟมเหลืองแบบแผ่น มีจำหน่ายทั่วไปตามร้านค้าวัสดุก่อสร้างชั้นนำ ส่วนฉนวนโฟมเหลืองแบบพ่น จะต้องติดต่อผู้เชี่ยวชาญมาทำการติดตั้งเท่านั้น

3. ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น หรือโฟมกันความร้อน ค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับอาคารและโรงงาน โดยค่าติดตั้งฉนวนกันความร้อนแบบโฟม ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากมีความยุ่งยาก จำเป็นที่จะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำการติดตั้ง แต่โฟมกันความร้อนก็มีข้อดีหลายอย่าง เนื่องจากเป็นแบบพ่น จึงสามารถเข้าถึงได้ทุกซอกทุกมุมที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถผสมสารป้องกันแมลงลงไปด้วย ฉนวนกันความร้อนแบบพ่นจะมีให้เลือกใช้งานอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนเซรามิคเซรามิคโค๊ตติ้ง และ ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ


อ่านกันมาจนถึงจุดนี้ คงจะพอทราบกันคร่าวๆแล้วเนอะว่าฉนวนกันความร้อนมีคุณสมบัติอะไรบ้าง และมีทั้งหมดกี่ประเภท โดยในบทความหน้า เราจะมาพูดกันถึงรายละเอียดของประเภทฉนวนกันความร้อนแบบเจาะลึกทุกรายละเอียดกันไปเลย อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ :)

หากคุณกำลังมองหาฉนวนกันความร้อนคุณภาพ ราคาถูกคุ้มค่า ลองแวะเข้ามาเลือกดูสินค้าฉนวนกันความร้อนได้ที่เว็บไซด์ของเรา >> ฉนวนกันความร้อน << หรือหากต้องการติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง หรือปรึกษารายละเอียดเกี่ยวกับตัวสินค้า สามารถโทรติดต่อ Call Center ได้ที่ 1284

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2562

รู้จักกับ “ที่นอน” แต่ละประเภทกับจุดเด่นที่คุณอาจไม่เคยรู้ !?

ที่นอน มีหลากหลายประเภทให้เลือกสรร โดยแต่ละประเภทก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยในปัจจุบันที่นอนมีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ผสมผสานเข้ากับวัสดุในการผลิต ซึ่งเป็นตัวช่วยเสริมให้ที่นอนรุ่นใหม่ มีคุณสมบัติที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ที่นอนช่วยถนอมกระดูกสันหลัง ที่นอนช่วยลดแรงกดทับ เป็นต้น



ดังนั้นวันนี้เลยแวะเอาข้อมูลเกี่ยวกับที่นอนแต่ละประเภท พร้อมกับคุณสมบัติของที่นอนที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนรวบรวมมาให้ได้อ่านกัน เผื่อว่าใครกำลังคิดอยากจะได้ที่นอนใหม่ จะได้เก็บนำความรู้ไปพิจารณาเลือกที่นอนที่ถูกใจกันเนอะ

ที่นอนยางพารา


ที่นอนยางพารา เป็นที่นอนสุขภาพที่ทางการแพทย์แนะนำให้คนที่มีปัญหาสุขภาพร่างกายและผู้สูงอายุนำไปใช้งาน เพราะที่นอนยางพารามีคุณสมบัติช่วยถนอมกระดูกสันหลัง ลดอาการเจ็บปวดหลัง ช่วยลดแรงกดทับจากการนอน และอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย

นอกจากนี้ที่นอนยางพารายังมีคุณสมบัติป้องกันการสะสมของไรฝุ่นและแบคทีเรีย เหมาะสำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้ฝุ่นอย่างมาก นอกจากนี้ที่นอนประเภทนี้มาพร้อมกับความยืดหยุ่น ไม่สะเทือนขณะพลิกตัวไปมา ไม่รบกวนผู้ที่นอนด้านข้างอย่างแน่นอน


แต่ที่นอนยางพารามีน้ำหนักมาก เรื่องของการเคลื่อนย้ายจึงค่อนข้างที่จะลำบากสักหน่อย แต่บอกเลยว่าหากเลือกที่นอนยางพารามาใช้งานที่บ้าน คุ้มค่าแน่นอนเนื่องจากเป็นที่นอนที่มีความทนทานสูง รับประกันคุณภาพ อายุการใช้งานนานถึง 15-20 ปี จึงไม่แปลกใจว่าที่นอนยางพารามีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าที่นอนประเภทอื่นๆ

ที่นอนสปริง


ที่นอนสปริง เป็นอีกที่นอนที่มีคุณสมบัตินุ่มเด้งสบาย เป็นที่นอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นที่นอนที่มีราคาให้เลือกหลากหลายระดับ และหาซื้อได้ง่าย นอกจากนี้เรื่องของความนุ่มน่านอนก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ที่นอนสปริงเป็นตัวเลือกที่หลายคนชื่นชอบ

ที่นอนสปริงมีน้ำหนักเบาสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย มาพร้อมกับระบบรองรับน้ำหนักด้วยเครือข่ายสปริงขดลวดจำนวนมากที่รองรับอยู่ด้านล่าง พร้อมทั้งมีการระบายอากาศและความอับชื้นได้ดี


ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง


ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง คือที่นอนสปริงแต่มีความเงียบ ไม่ว่าคุณจะนอนพลิกสักแค่ไหนก็ไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน เหมาะมากสำหรับคนที่นอนดิ้นตลอดคืน ด้วยนวัตกรรมระบบสปริงแบบแยกอิสระ และขดลวดสปริงถูกออกแบบพิเศษให้มีความสูง เหนียว และยืดหยุ่น สามารถคืนตัวได้ดีกว่าที่นอนสปริงทั่วไป


ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจึงทำให้สามารถรองรับสรีระร่างกายส่วนโค้งเว้าตามธรรมขาติได้ดี อีกทั้งที่นอนยังมีน้ำหนักเบาจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก แต่หากพูดถึงเรื่องราคาที่นอนพ็อกเก็ตสปริงจะมีราคาที่สูงมากกว่า และอายุการใช้งานยาวนานมากกว่าที่นอนสปริงทั่วไป

ที่นอนเมมโมรี่โฟม


ที่นอนเมมโมรี่โฟม คือที่นอนที่ขึ้นชื่อเรื่องของความนุ่มนวล และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติโฟมใยสังเคราะห์หรือโฟมวิทยาศาสตร์ ที่สามารถคืนตัวได้ตามน้ำหนักของผู้นอน รองรับทุกสรีระร่างกาย อีกทั้งช่วยลดแรงกดทับจากการนอนของข้อต่อและกระดูกได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยบริเวณผิวหนังสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบนอนที่นอนสัมผัสนุ่มสบาย พร้อมดูแลสุขภาพการนอนไปพร้อมกัน


แผ่นท็อปเปอร์


แผ่นท็อปเปอร์ เป็นแผ่นสำหรับรองที่นอนเพื่อเพิ่มความหนานุ่มให้กับที่นอนเดิม หรือสามารถใช้แทนที่นอนเลยก็ได้ การผลิตแผ่นท็อปเปอร์วัสดุหลักๆจะผลิตจากฟองน้ำอัด ยางพารา และใยสังเคราะห์ ท็อปเปอร์มีความหนาเพียง 1-4 นิ้ว สำหรับที่นอนขนาด 3.5 ฟุต และ 6 ฟุต


สั่งซื้อที่นอนและแผ่นท็อปเปอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Homepro.co.th สินค้าคุณภาพจัดส่งรวดเร็วพร้อมรับประกันคุณภาพ