วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562

เลือก “พรมปูพื้น” ตกแต่งบ้านสวยอำนวยประโยชน์ใช้สอย

พรมปูพื้น เป็นของตกแต่งบ้านที่ช่วยเสริมความสวยงาม สร้างบรรยากาศภายในบ้านให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น แต่นอกจากความสวยงามแล้วเรายังใช้พรมปูพื้นให้เกิดประโยชน์อื่นๆภายในบ้านได้อีกด้วย แต่คุณสมบัติของพรมแต่ละชนิดที่มีความแตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกพรมปูพื้นมาใช้งานภายในบ้านจึงต้องเลือกอย่างเหมาะสม


พรมปูพื้น นิยมใช้งานตามบ้านเรือนและสถานที่ทั่วไป ซึ่งการเลือกพรมปูพื้นไปใช้งานนั้น จะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของประเภทของพรมปูพื้น เพื่อความเหมาะสมในการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น ภายในห้องนั่งเล่น เป็นห้องที่ส่วนใหญ่ทุกครอบครัวจะใช้เวลาร่วมกัน ดังนั้นจึงควรเลือกพรมเส้นใยสังเคราะห์ PP มาใช้งาน ด้วยคุณสมบัติที่สามารถป้องกันคราบสกปรก ป้องกันเชื้อราได้ดี ทำความสะอาดง่าย จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับห้องที่มีการใช้งานหนัก

ประโยชน์ของพรมปูพื้น


พรมปูพื้นนอกจากจะช่วยตกแต่งสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้ดูสวยงามมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ด้านอื่นอีกมากมายที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน อย่างเช่น…

พรมปูพื้นช่วยคุมอุณภูมิ: การปูพรมปูพื้นภายในห้องที่ติดตั้งแอร์บ้าน จะสามารถช่วยควบคุมอุณภูมิภายในห้องได้ดีมากกว่า สเถียรมากกว่า เพราะพรมปูพื้นจะช่วยกดอุณภูมิของพื้น้องภายในและภายนอก จึงทำให้แอร์มีความเย็นได้นานขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าไฟได้มากขึ้นอีกด้วย


พรมปูพื้นช่วยลดเสียงสะท้อน: การปูพรมปูพื้น จะสามารถช่วยลดเสียงสะท้อนภายในห้องได้ดี เหมือนกับโรงภาพยนต์ที่ตามพื้นต้องปูพรมเอาไว้ นั้นก็เพื่อลดการสะท้อนของเสียงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งเราสามารถนำไอเดียนี้มาประยุกต์ใช้กับห้องนั่งเล่นหรือห้องโฮมเธียเตอร์ภายในบ้าน ที่มีทั้งทีวีและเครื่องเสียงได้เช่นกัน

พรมปูพื้นช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บ: การปูพรมปูพื้นจะสามารถช่วยลดปัญหาการลื่นล้ม และลดแรงกระแทกได้ดี หากที่บ้านของคุณมีผู้สูงหรือเด็กน้อยอายุอาศัยอยู่ด้วย แนะนำให้ปูพรมไว้ในห้องที่ใช้งานบ่อย เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

ก่อนปูพรมต้องพิจารณาอะไรบ้าง?


การเลือกพรมปูพื้น จะต้องพิจารณาหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ โทนสี หรือสภาพแวดล้อมภายในบ้าน นำมาประกอบกันเพื่อตัดสินใจเลือกพรมปูพื้นที่เหมาะสมกับบ้านของเรามากที่สุด

พรมปูพื้นกับการตกแต่งภายใน


ก่อนตัดสินใจเลือกพรมปูพื้นมาใช้ตกแต่งภายในห้อง จะต้องเลือกดีไซน์ให้ตรงตามคอนเซ็ปการออกแบบภายในห้อง เช่น ตกแต่งห้องนั่งเล่นสไลต์ Nature Wild ที่เน้นความเป็นธรรมชาต ลายไม้ และโทนสีเขียว การเลือกพรมปูพื้น ก็จะต้องเลือกรูปแบบที่มีความคล้ายคลึงกัน อาจจะเป็นพรมสีเขียวหลายเฉดสี พรมลายไม้ พรมลายใบไม้ เป็นต้น


โทนสีของพรมปูพื้น


โทนสีของพรมปูพื้น จะมีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องให้ดูสวยมากขึ้น ซึ่งหากคุณต้องการให้ห้องดูสว่าง แนะนำให้เลือกพรมปูพื้นโทนสีขาว สีครีม สีฟ้า หรือโทนสีสดๆ เช่น สีเหลือง สีส้ม จะสามารถช่วยทำให้ห้องดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น

แต่หากใครชอบตกแต่งห้องลุคเท่ห์ๆ อยากให้ห้องมีบรรยากาศสุขุม นุ่มลึก และดูโมเดิร์น แนะนำให้เลือกพรมปูพื้นโทนสีเข้มๆ อย่างสีดำ สีกรม สีเทาเข้ม มาใช้ตกแต่งจะสามารถช่วยปรับบรรยากาศภายในห้องให้ดูสวยในแบบคูลๆได้มากขึ้นแน่นอน


สภาพแวดล้อมภายในห้อง


การเลือกพรมปูพื้น เราต้องพิจารณาสภาพแวดล้อมของบ้านเราด้วย เช่น บ้านอยู่ติดถนน และมีฝุ่นละอองเยอะหรือไม่ ที่บ้านมีสัตว์เลี้ยงรึเปล่า หากคำตอบคือใช่ แนะนำให้เลือกพรมปูพื้นที่เป็นโทนสีกลางๆมาใช้งาน เพราะหากเลือกโทนสีเข้ม หรือสีอ่อน จะทำให้เลอะง่าย และดูแลทำความสะอาดได้ยากมากกว่า

ลักษณะพรมปูพื้น


ลักษณะภาพรวมของพรมปูพื้น ให้พิจารณาจากเส้นพรมว่ามีความหนาแน่นมากน้อยแค่ไหน พรมปูพื้นที่ดี จะต้องมีเส้นไหมอย่างน้อย 3-4 เส้นต่อ 1 เส้นพรม ดูความห่างของเส้นพรมว่ามีช่องว่าง ระยะห่างมากน้อยเพียงใด ถ้าพรมคุณภาพดีจะมีระยะห่างน้อยมาก แทบจะไม่มีช่องว่างเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญคือน้ำหนักสุทธิของพรมปูพื้น ยิ่งมีน้ำหนักมาก แสดงว่าพรมนั้นมีคุณภาพสูง


วัสดุพรมปูพื้น


พรมปูพื้นมีวัสดุในการผลิตที่หลากหลาย เช่น พรมขนสัตว์ พรมผ้ฝ้าย พรมใยสังเคราะห์ พรมไนล่อน หรือพรมอะคริลิค ที่มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของผิวสัมผัส ความสวยงาม และเรื่องของราคา ที่เราจะต้องพิจารณาเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน และตรงกับความชื่นชอบของตัวคุณเอง

หากใครที่กำลังมองหาพรมปูพื้นสำหรับใช้ตกแต่งภายน้านกันอยู่ ลองแวะเข้ามาเลือกพิจารณาสินค้า พรมปูพื้น ราคาถูก สินค้าพร้อมจัดส่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ได้ที่ www.homepro.co.th

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562

เลือก “อ่างล้างจาน” ทำความสะอาดถูกใจ มีไว้ใช้คู่ครัว

อ่างล้างจาน หรือซิงค์ล้างจาน เป็นอุปกรณ์เครื่องครัวอีกอย่างที่ห้องครัวทุกบ้านต้องมีไว้ใช้งานสำหรับการล้างจานชาม ล้างผัก ผลไม้ และวัตถุดิบในการประกอบอาหารต่างๆ ทุกอย่างล้วนแต่ทำอยู่ที่มุมอ่างล้างจานในห้องครัว ดังนั้นการเลือกอ่างล้งจานจึงต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน ให้เหมาะสมกับการใช้งานและลักษณะของห้องครัวที่บ้านมากที่สุด


การเลือกอ่างล้างจาน


เทคนิคการเลือกอ่างล้างจาน เป็นอะไรที่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดนส่วนใหญ่แล้วเราจะพิจารณาจากวัสดุในการผลิต รูปร่างความสูงและขนาดของอ่างล้างจาน เป็นองค์ประกอบหลักๆในการตัดสินใจเลือกซื้อ แต่การเลือกอ่างล้างจานยังมีเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย … จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลย !

วัสดุในการผลิตอ่างล้างจาน


วัสดุในการผลิตอ่างล้างจาน เป็นองค์ประกอบหลักๆในการพิจารณาเลือกซื้อ โดยวัสดุที่ใช้ในการผลิตส่วนใหญ่ก็จะเป็น สแตนเลส ที่มีความเรียบหรู สามารถทำความสะอาดได้ง่าย สามารถติดตั้งได้เหมาะกับห้องครัวทุกสไตล์ แต่หากคุณมีงบประมาณเพียงพอ ลองมองอ่างล้างจานที่ผลิตจากเซรามิค หรือหินสังเคราะห์ ที่มีราคาสูงขึ้นมาอีกหน่อยมาใช้งานที่บ้านกันดู เพิ่มความสวยงามในการตกแต่งห้องครัวให้ดูหรูหรามากขึ้น

ขนาดและน้ำหนักของอ่างล้างจาน


รูปทรงของอ่างล้างจาน เป็นอีกเรื่องที่เราต้องดูให้เหมาะสม เพราะไม่ใช่ว่าเลือกอ่างล้างจานที่มีขนาดใหญ่มาแล้วจะใช้งานได้ดีเสมอไป เพราะขนาดที่ใหญ่โต อาจจะวางคู่กับเคาน์เตอร์ครัวได้ไม่พอดี ขนาดเทอะทะทำให้ห้องครัวดูคับแคบ นอกจากนี้ให้พิจารณาเลือกอ่างล้างจานที่มีน้ำหนักมาก ซึ่งแปลว่าอ่างผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานมากกว่าอ่างล้างจานที่มีน้ำหนักเบา 


ดังนั้นทางที่ดี ควรวัดขนาดพื้นที่สำหรับติดตั้งอ่างล้างจาน เพื่อกะประมาณขนาดของอ่างล้างจานที่เหมาะสมกับห้องครัวของเรา และเลือกอ่างล้างจานที่มีน้ำหนักมาก มีความทนทานแข็งแรง สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานคุ้มค่ามากที่สุด

ดีไซน์อ่างล้างจาน


อ่างล้างจานมีให้เลือกทั้งแบบหลุมเดียวและแบบสองหลุม การเลือกเราก็ต้องพิจารณาจากลักษณะและความต้องการในการใช้งานของเราเอง ว่าเราทำอาหารบ่อยแค่ไหน กินข้าวที่บ้านเป็นประจำรึเปล่า พื้นที่ในห้องครัวมีมากเพียงพอในการจัดวางหรือไม่ ถ้าปกติที่บ้านของทำอาหารทานเองบ่อยๆ ก็แนะนำให้เลือกเป็นอ่างล้างจานแบบสองหลุม แต่หากนานๆทำกินที เน้นกินข้าวนอกบ้าน ไม่ค่อยได้ทำกินเองสักเท่าไหร่ ก็เลือกอ่างล้างจานแบบหลุมเดียวไว้ใช้งานก็เพียงพอ

ความลึกของอ่างล้างจาน


เลือกขนาด เลือกดีไซน์อ่างล้างจานกันแล้ว อย่าลืมดูเรื่องของความลึกของอ่างล้างจานกันด้วย ว่ามีความลึกเท่าไหร่ ยิ่งลึกมาก ก็ยิ่งวางจานได้จำนวนมาก แต่ก็ไม่ควรลึกมากเกินไปจนต้องก้มลงเพื่อหยิบจานชามในอ่าง เอาที่เราคิดว่า ยืนล้างจานแล้วเรารู้สึกสบายตัว รู้สึกสะดวกก็เพียงพอ


ส่วนประกอบอ่างล้างจาน


การพิจารณาอ่างล้างจานสแตนเลส ในเรื่องของความทนทาน ให้ดูที่ส่วนประกอบของสแตนเลสว่าเป็น สแตนเลส 300 หรือไม่ และมีส่วนผสมของโครเมี่ยม 18% และนิกเกิล 8% รึเปล่า? ส่วนประกอบเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าอ่างล้างจานมีความคงทนและแข็งแรงมากแค่ไหน เราสามารถพิจารณาได้อีกด้วยว่า อ่างล้างจานเป็นสแตนเลสแท้ 300 หรือไม่ด้วยการใช้แม่หล็ก ถ้าหากแม่เหล็กดูดติดกันตัวอ่าง แสดงว่าไม่ใช่แสตนเลสแท้ 300

อ่างล้างจานกับตะกร้ากรองเศษอาหาร


ในการล้างจานแต่ละครั้ง แน่นอนว่าต้องมีเศษอาหารที่เหลือจากการรับประทานแน่นอน ดังนั้นควรเลือกอ่างล้างจานแบบที่มีตะแกรงสำหรับกรองอาหารจะดีที่สุด เพื่อกรองไม่ให้เศษอาหารไปอุดตันอยู่ในท่อระบาย และสะดวกในการเก็บเศษอาหารเหล่านั้นออกมาทิ้งถังขยะอีกด้วย 

การเลือกอ่างล้างจาน อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร จะใช้แบบไหนก็ได้ แต่อันที่จริงเราต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายๆด้านในการเลือก แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากจนเกินความสามารถของเราที่จะเลือกอ่างล้างจานที่เหมาะสมสำหรับใช้งานในห้องครัวที่บ้าน เลือกซื้ออ่างล้างจานผ่านเว็บออนไลน์พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้านได้ที่ Homepro.co.th

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

“วัสดุกันความร้อน” ป้องกันแดดปรับอุณภูมิบ้านเย็นชื่นใจ

วัสดุกันความร้อน เป็นวัสดุที่สามารถช่วยปรับอุณภูมิบ้านของเราให้เย็นมากกว่าเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวัสดุกันความร้อนสำหรับติดตั้งทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน ก็มีให้เลือกหลายหลากประเภท ไม่ว่าจะเป็น ฉนวนกันความร้อน, บล็อคปูพื้น, สีทาบ้านกันความร้อน หรือฟิล์มกันความร้อน เป็นต้น 


การติดตั้งวัสดุกันความร้อน นอกจากจะช่วยลดอุณภูมิภายในบ้านให้เย็นลงแล้ว ยังสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย เพราะในเมื่อบ้านของเราเย็นสบายมากขึ้น เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าในการทำความเย็น เช่นพวกเครื่องปรับอากาศ หรือพัดลม เหมือนแต่ก่อน ดังนั้นการเลือกวัสดุกันความร้อนมาติดตั้งภายในบ้าน จึงเป็นแนวทางในการปรับลดอุณภูมิภายในบ้านพร้อมกับการประหยัดค่าไฟได้ดีที่สุด

วัสดุกันความร้อนมีอะไรบ้าง?


จากที่เกริ่นไปข้างต้นว่าวัสดุกันความร้อนมีหลากหลายประเภท แต่สิ่งที่อยากแนะนำให้นำไปติดตั้งที่บ้านกันคือ ฉนวนกันความร้อน ที่สามารถช่วยลดอุณภูมิบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันก็จะเป็น ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว, อลูมิเนียมฟอยล์, แผ่นสะท้อนความร้อน และ โฟมกันความร้อน สามารถติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ > ฉนวนกันความร้อน แบบไหนกันร้อนได้ดี พี่นี้อยากแนะนำ !

ฉนวนกันความร้อน


ฉนวนกันความร้อน เป็นวัสดุกันความร้อนที่ใช้สำหรับบ้านเรือนและอาคารทั่วไป ส่วนใหญ่จะติดตั้งบนหลังคาบ้านและกำแพงบ้าน มีให้เลือกทั้งแบบแผ่นและแบบพ่น ซึ่งฉนวนแบบแผ่นจะสามารถติดตั้งได้ง่ายกว่า หรืออาจจะสามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเอง แต่ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น จะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำการติดตั้ง  


อ่านเพิ่มเติมฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น > ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น มีกี่ประเภท? 
อ่านเพิ่มเติมฉนวนกันความร้อนแบบพ่น > ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น ตัวเลือกสำหรับอาคารบ้านเรือน

บล็อกปูพื้นกันความร้อน


บล็อกปูพื้นกันความร้อน Cool Plus ก็เป็นอีกวัสดุกันความร้อนแบบใหม่สำหรับติดตั้งภายนอกบ้าน ที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้นำไปใช้กัน เป็นวัสดุที่นำมาใช้ทดแทนการเทพื้นด้วยปูนซีเมนต์ โดยคุณสมบัติของมันคือจะดูดซึมซับน้ำเอาไว้ และเมื่อโดนแสงแดดส่องหรืออุณภูมิความร้อนเพิ่มสูงขึ้น น้ำที่ถูกกักเก็บไว้ในบล็อก ก็จะระเหยออก ส่งผลให้อุณภูมิโดยรอบลดลง และทำให้รู้สึกเย็นสบายมากขึ้น 

** การติดตั้งบล็อกปูพื้นกันความร้อน Cool Plus ใช้พื้นที่ขั้นต่ำประมาณ 25 ตารางเมตรจากจุดศูนย์กลาง

สีทาบ้านกันความร้อน


วัสดุกันความร้อนอีกประเภทที่ตอนนี้เป็นที่นิยมอย่างมากคือ สีทาบ้านกันความร้อน ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้าน และสะท้อนแสงและความร้อนออกไป เป็นตัวช่วยทำให้อุณภูมิภายในบ้านลดลงอีกทางหนึ่ง นอกจากคุณสมบัติป้องกันความร้อนแล้ว เรื่องของการเลือกโทนสีที่จะนำมาใช้ตกแต่งบ้าน ยังสามารถช่วยทำให้บ้านของเราดูเย็นสบายได้มากกว่าเดิม 


โดยพลังของโทนสี สามารถช่วยในการบำบัดโรคได้ด้วย โดยนักจิตวิทยา เชื่อว่าโทนสีมีความสัมพันธ์กับร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของทุกคน 

สีทาบ้านโทนสีอ่อน: โทนสีขาว สีเบจ สีฟ้า หรือโทนสีพาสเทล จะทำให้บ้านของเราดูสว่างสบายตามากขึ้น ถ้าอยากสร้างบรรยากาศชิวๆภายในบ้าน มีความเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อน 

อ่านเพิ่มเติม > การเลือกสีทาบ้าน โทนสีร้อน โทนสีเย็น แบบไหนดีนะ?

ติดฟิล์มกรองแสงที่กระจกหน้าต่าง


การติดฟิล์มกรองแสง เป็นอีกเคล็ดลับที่สามารถป้องกันความร้อนไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านได้เป็นอย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะการติดฟิล์มที่หน้าต่างในทางทิศตะวันตกของบ้าน ที่เป็นส่วนรับแสงแดดร้อนๆตลอดช่วงบ่ายแบบเต็มๆ ตัวฟิล์มจะช่วยกรองแสงที่สาดส่องเข้าสู่ตัวบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วัสดุกันความร้อนอื่นๆ


นอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังมีวัสดุอีกมากมายที่สามารถป้องกันความร้อนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกันสาดสำหรับติดตั้งตรงหน้าต่าง หรือผ้าม่าน UV ที่สามารถสะท้อนความร้อนไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านได้เช่นกัน แต่สิ่งที่สามารถกันความร้อนได้ดีที่สุดสำหรับบ้านของเรา ก็คือการปลูกต้นไม้ เพิ่มธรรมชาติสีเขียวล้อมรอบตัวบ้าน หรืออาจจะทำสวนแนวตั้ง แขวนต้นไม้บนไม้ระแนงไว้บนบังแสงแดดก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ 


อ่านเพิ่มเติม > 5 ไอเดียตกแต่งบ้านธรรมชาติสดใสรับหน้าร้อน
อ่านเพิ่มเติม > หลักการออกแบบบ้านเย็นฉ่ำ สุขได้ทุกฤดูกาล จะร้อน จะหนาว ไม่มีหวั่น

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

“พื้นไม้ลามิเนต” ตัวช่วยเสริมบ้านดูดี แบบนี้สิถูกใจ!

พื้นไม้ลามิเนต เป็นวัสดุตกแต่งพื้นบ้านลวดลายไม้ธรรมชาติ เป็นตัวเลือกที่หลายคนเลือกใช้ตกแต่งพื้นบ้านให้ดูสวยทันสมัย เห็นลวดลายไม้สวยๆแบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ไม้แท้ 100% นะ อย่าเข้าใจผิด เพราะไม้ลามิเนตผลิตจากกรรมวิธีบีบอัดไม้จากป่าปลูกด้วยความแรงสูง โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย


คุณสมบัติพื้นไม้ลามิเนต


คุณสมบัติหลักๆของพื้นไม้ลามิเนต ก็คือสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว มีน้ำหนักเบา ลวดลายสวยงาม และมีความทนทานสามรถใช้งานได้หลายปี แต่การติดตั้งจะต้องพึ่งพาช่างมืออาชีพ เนื่องจากหากติดตั้งไม่ดีแล้ว พื้นไม้ลามิเนตอาจจะมีปัญหาโก่งนูน ยวบยุบ ซึ่งปัญหาตรงส่วนนี้จะต้องทำการป้องกันเอาไว้ก่อนตั้งแต่ตอนติดตั้ง

อย่างที่บอกไปแต่แรกว่าพื้นไม้ลามิเนต ผลิตจากกรรมวิธีบีบอัดด้วยแรงสูง โดยจะทำการบีบอัดส่วนประกอบต่างๆให้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด 4 ชั้น ได้แก่

ชั้นที่ 1 วัสดุเคลือบผิวหน้า เป็นชั้นที่ป้องกันรอยขีดข่วนและเสริมความแข็งแรงให้กับพื้นไม้ลามิเนต

ชั้นที่ 2 ผิวลายไม้ เป็นชั้นที่คล้ายกับวัสดุ PVC เป็นลวดลายไม้ธรรมชาติสวยงาม มีให้เลือกหลากหลายเฉดสี ปิดทับไม้ HDF ที่อยู่ในชั้นถัดไป

ชั้นที่ 3 เป็นชั้นไม้ HDF (High Density Fiber) ไม้อัดแข็งที่มีความหนามากที่สุด

ชั้นที่ 4 แผ่นรองพื้นไม้ เป็นแผ่นที่มีลักษณะเหมือนกับโฟม สำหรับการปรับระดับพื้น และช่วยป้องกันความชื้นจากคอนกรีต

ข้อดีของพื้นไม้ลามิเนต


พื้นไม้ลามิเนต นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจเลือกวัสดุปูพื้นบ้านกันอยู่ “ไม้ลามิเนต” เป็นตัวเลือกที่ควรค่แก่การนำมาใช้งาน รับรองเลยว่าไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะ…

  • ผิวหน้าของไม้ลามิเนตทนทานต่อรอยขีดข่วน และทนต่อกรงเล็บของสัตว์เลี้ยง
  • เคลือบผิวด้วย wear layer ทนต่อขี้เถ้าบุหรี่และความร้อน มีความทนทานสูง
  • การติดตั้งเป็นแบบคลิกล็อค ติดตั้งได้ง่าย รวดเร็ว และสะดวกสบาย
  • สามารถติดตั้งทับกระเบื้องเก่าได้เลย
  • ปลอดสาร Dioxins เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
  • ทนทานต่อแรงกดทับ
  • ทนต่อแสงแดด สารเคมีและไม่ติดไฟ
  • ไม่เกิดเชื้อรา แบคทีเรียและเชื้อโรค ที่สำคัญคือไม่อมฝุ่น
  • ดูแลรักษาง่ายกว่าที่คุณคิด


พื้นไม้ลามิเนตดูแลรักษาอย่างไร?


การดูแลรักษาพื้นไม้ลามิเนตหลังติดตั้ง ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลายคนคิดกัน การดูแลรักษาควรเริ่มตั้งแต่ตอนติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตเลย ควรเว้นระยะห่างจากเส้นรอบวงของบริเวณที่ปูเอาไว้สักประมาณ 1 เซนติเมตรเผื่อเอาไว้สำหรับการขยายตัวของไม้ลามิเนตหากอุณภูมิเปลี่ยนแปลง รวมถึงระยะห่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ด้วย


บางคนชอบคิดว่าไม้ลามิเนตห้ามถูพื้น เพราะน้ำอาจจะทำให้ตัวไม้ชื้นและบวมได้ แต่อันที่จริงสามารถถูพื้นได้ตามปกติเหมือนกับกระเบื้องทั่วไป แต่หากทำน้ำหกก็ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้นาน ต้องเช็ดทำความสะอาดทันที ป้องกันการไหลซึมของน้ำ

การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ไม่ควรลากไปตามพื้น เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นไม้ลามิเนตได้ ทางที่ดีหาผู้ช่วยมาช่วยยกเคลื่อนย้ายจะดีที่สุด และหากเป็นไปได้ให้ใช้แผ่นรองขาเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เพื่อลดโอกาศการเกิดรอยขีดข่วน

บริเวณที่ติดตั้งพื้นไม้ลามิเนตโดนแสงแดดโดยตรงผ่านทางหน้าต่าง แนะนำให้ปิดม่านบังแดดเอาไว้ หากคุณต้องการให้ลวดลายสีสันของพื้นไม้ลามิเนตสวยเหมือนใหม่อยู่เสมอ เพราะไม้ลามิเนตอาจจะสีซีดลงได้หากโดนแดดเปนระยะเวลานาน

ทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับพื้นไม้ลามิเนตที่คุณควรทราบกันก่อนตัดสินใจเลือกซื้อมาติดตั้งที่บ้าน โดยหากคุณกำลังมองหาไม้ลามิเนตลดราคาถูก และรับประกันคุณภาพ ลองแวะเข้ามาเลือกชมสินค้ากันได้ที่ www.homepro.co.th

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

เทคนิคเลือกสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำสำหรับบ้านเรือน

สุขภัณฑ์ เป็นอุปกรณ์ห้องน้ำที่เราใช้งานกันแทบจะตลอดเวลา โดยในแต่ละวันเราจะใช้น้ำสะอาดปริมาณมากกว่า 300 ลิตร/ต่อคน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่ออาบน้ำ หรือใช้เพื่อกดชักโครก ปริมาณน้ำที่เราใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันนั้นค่อนข้างมากเลยทีเดียว ดังนั้นสุขภัณฑ์ที่ดีควรออกแบบมาให้สามารถประหยัดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ใช่เพียงเพื่อประหยัดค่าน้ำเพียงเท่านั้น แต่ก็เพื่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด


เลือก “สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ” ยังไงดี?


เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสุขภัณฑ์ที่เราจะเลือกใช้ เป็นสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ? ให้เราสังเกตุง่ายๆตรงที่ฉลากประหยัดน้ำ ที่ผ่านการรับรองจากการประปานครหลวง โดยมีการกำหนดประสิทธิภาพอุปกรณ์ประหยัดน้ำไว้ 3 ระดับ คือ เบอร์ 3 4 และ 5 เหมือนกับฉลากประหยัดไฟ ฉลากรับรอง มอก. หรือ ให้สังเกตุจากฉลากเขียว พร้อมกับพิจารณาอัตราการใช้น้ำของสุขภัฑ์ ทดสอบการใช้งานก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ

โถสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ


โถสุขภัณฑ์ในปัจจุบัน ก็มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ และลักษณะการใช้งาน สามารถอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่การจะเลือกโถสุขภัณฑ์ที่สามารถประหยัดน้ำจะต้องพิจารณาจากอะไร?

สิ่งแรกที่ต้องสังเกตุเลยก็คือฉลากประหยัดน้ำ หรือฉลากรับรองจาก มอก. ติดไว้หรือไม่? หากมีติดไว้นั้นแสดงว่าโถสุขภัณฑ์ดังกล่าวเป็นสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำจริง โดยการชำระล้างแต่ละครั้งต้องไม่เกิน 6 ลิตร โดยระบบชำระล้างของโถสุขภัณฑ์หลักๆแล้วมีให้เลือกอยู่ 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่


โถสุขภัณฑ์แบบ Wash Down


โถสุขภัณฑ์แบบ Wash Down เป็นระบบการชำระล้างด้วยการใช้น้ำใหม่แทนที่น้ำเก่า สามารถช่วยประหยัดน้ำได้มาก เพราะการกดชำระล้างแต่ละครั้งใช้น้ำเพียง 3 ลิตรเท่านั้นการชำระแบบเบา และในกรณีชำระล้างแบบหนักก็จะใช้น้ำประมาณ 6 ลิตร โดยปุ่มกดจะเป็นแบบ Dual Flush ที่มีปุ่มให้เลือกว่าจะกดน้มากหรือน้อย

โถสุขภัณฑ์แบบ Siphonic Wash Down


โถสุขภัณฑ์แบบ Siphonic Wash Down เป็นระบบการชำระล้างที่ใช้หลักการเหมือนกับกาลักน้ำ เมื่อเรากดปุ่มชักโครก ระบบกาลักน้ำจะทำให้เกิดแรงดึงดูดในท่อคอห่าน เป็นระบบที่สามารถทำความสะอาดได้รวดเร็ว แต่ใช้ปริมาณน้ำประมาณ 6 ลิตร


โถสุขภัณฑ์แบบ Siphon Jet


โถสุขภัณฑ์แบบ Siphon Jet เป็นระบบการชำระล้างที่ทำได้อย่างรวดเร็วมากกว่าระบบอื่น โดยใช้รู JET เป็นตัวช่วยในการส่งน้ำ และเกิดแรงดูดอย่างรวดเร็ว การชำระล้างในแต่ละครั้งก็จะใช้น้ำปริมาณ 6 ลิตรไม่ว่าจะเป็นการชำระล้างแบบหนักหรือเบา

โถสุขภัณฑ์แบบ Siphon Vortex


โถสุขภัณฑ์แบบ Siphon Vortex เป็นระบบการชำระล้างที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่มีการใช้ปริมาณน้ำมากที่สุดถึง 9 ลิตรเลยทีเดียว ระบบ Siphon Vortex จะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว โดยตัวถังพักน้ำจะอยู่ต่ำกว่าระบบอื่น การกดชำระล้างจึงมีความเงียบ ไม่ส่งเสียงรบกวน

อ่านข้อมูลประเภทสุขภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ > เลือกสุขภัณฑ์ชักโครกอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน ?

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562

ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น ตัวเลือกสำหรับอาคารบ้านเรือน

ฉนวนกันความร้อนเป็นวัสดุก่อสร้างที่ช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้เข้าสู่ภายในบ้านได้ ดังนั้นหากที่บ้านของคุณทำการติดตั้งนวนกันความร้อน แน่นอนว่าภายในบ้านจะเย็นสบายมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน แต่ฉนวนกันความร้อนก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆคือ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น และ ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น


โดยข้อมูลเกี่ยวกับฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บทความก่อนหน้า: ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น มีกี่ประเภท? ในส่วนของฉนวนกันความร้อนแบบพ่น เราจะมาเจาะข้อมูลรายละเอียดกันในบทความนี้กัน … หากคุณพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย!

ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า โฟมกันความร้อน เป็นที่นิยมอย่างมากในการติดตั้งสำหรับอาคารและโรงงานต่างๆ ความโดดเด่นของฉนวนกันความร้อนแบบพ่นคือสามารถฉีดพ่นโฟมเข้าถึงทุกซอกทุกมุมตามความต้องการ และยังสามารถผสมพวกสารป้องกันแมลงต่างๆลงในโฟมได้ด้วย 

เพื่อป้องกันการเกิดแหล่งเพาะพันธ์ของแมลงต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การติดตั้งฉนวนกันความร้อนแบบพ่น จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง โดยฉนวนกันความร้อนแบบพ่น จะมีให้เลือกใช้งานอยู่ 2 ประเภท ได้แก่

ฉนวนกันความร้อนเซรามิคเซรามิคโค๊ตติ้ง


ฉนวนกันความร้อนเซรามิค หรือ เซรามิคโค๊ตติ้ง เป็น สีสะท้อนความร้อน ที่มีการผสมเข้ากับอะคริลิคและสารต้านทานรังสีความร้อนสูง สำหรับใช้พ่นเคลือบกระเบื้องหลังคา ดาดฟ้าบ้าน หรือผนังบ้าน มีคุณสมบัติในการยึดเกาะพื้นผิวได้ดี

แต่ฉนวนกันความร้อนเซรามิคทำหน้าที่เพียงสะท้อนความร้อนเท่านั้น แนะนำให้ติดตั้งควบคู่ไปกับฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนภายในอาคารบ้านเรือนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ


ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ เป็นฉนวนกันความร้อนที่ผลิตมาจากเยื่อไม้ เยื่อกระดาษธรรมชาติ เป็นโฟมกันความร้อนสำหรับฉีดพ่นเพิ่มความหนาให้กับฝ้าเพดานหรือหลังคาบ้าน มีคุณสมบัติรองรับทุกสภาพผิว พร้อมทั้งผสมสารป้องกันปลวกแมลงและสารชลอการลามไฟ

ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ สามารถทนความร้อนได้สูง ทนกรดทนด่างได้ดี และสามารถกันเสียงสะท้อนได้อีกด้วย แต่ฉนวนประเภทนี้ไม่ทนต่อน้ำ ดังนั้นการติดตั้งจึงต้องคอยระวังเรื่องรอยรั่วต่างๆ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม ที่จะทำให้ฉนวนกันความร้อนเบื่อกระดาษเสื่อมประสิทธิภาพ


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โฟม PU หรือ โฟมเหลือง เป็นโฟมกันความร้อนที่มีคุณสมบัติทนต่อความชื้น ทนกรดด่างได้ดี ไม่ลามไฟ และสามารถกันสนิมได้อีกด้วย โดยโฟมเหลืองมีให้เลือกทั้งแบบแผ่นและแบบพ่นให้ใช้งาน

ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทนแบบพ่น จะใช้ฉีดพ่นบนฝ้าเพดาน หลังคาบ้านและใต้หลังคา เพื่อป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านและอาคาร โดยการติดตั้งจะต้องพึ่งบริษัทผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการ


หากคุณมีความสนใจต้องการติดตั้งฉนวนกันความร้อน แนะนำให้เข้ามาเลือกชมฉนวนกันความร้อนลดราคาถูกได้ที่ Homepro.co.th สั่งสินค้าออนไลน์พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้านรวดเร็ว รับประกันคุณภาพสินค้า ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1284

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น มีกี่ประเภท?

จากบทความก่อนหน้า ฉนวนกันความร้อน แบบไหนกันร้อนได้ดี พี่นี้อยากแนะนำ ! เราก็ได้เรียนรู้กันคร่าวๆแล้วว่า ฉนวนกันความร้อนคืออะไร และมีคุณสมบัติอะไรบ้าง โดยฉนวนกันความร้อนก็สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นน และ ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น

โดยในบทความนี้จะขอหยิบยกรายละเอียดแบบเจาะลึกกันในหัวข้อ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น ว่ามีกี่ประเภทและมีคุณสมบัติอะไรที่โดดเด่นบ้าง? ถ้าหากคุณพร้อมแล้ว เรามาเริ่มไปพร้อมกันเลย!


ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นฉนวนที่มีราคาให้เลือกหลายระดับ หาซื้อได้ง่าย แถมติดตั้งไม่วุ่นวายอีกด้วย โดยปกติแล้วฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะติดตั้งไว้บนฝ้าเพดานหรือใต้หลังคา ระยะสูงกว่า 1 เมตรขึ้นไป โดยฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะมีอยู่ 4 ประเภท

ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว


ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว เป็นฉนวนที่ห่อหุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์สามารถดูดซับความร้อน รวมถึงดูดซับเสียงสะท้อนได้ดี ฉนวนใยแก้วเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะราคาไม่แพง แถมทนความร้อนได้ค่อนข้างสูง เป็นวัสดุไม่ติดไฟ และสามารถป้องกันความชื้นและเชื้อราได้ดีเยี่ยม


อีกทั้งยังสามารถติดตั้งได้ง่าย คุณเองก็สามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเอง โดยปกติแล้วฉนวนใยแก้วจะติดตั้งใต้หลังคา ฝ้าเพดานและผนังบ้าน โดยการติดตั้งหากพบรอยฉีกขาด จะต้องใช้เทปกาวปิดให้สนิทเพื่อป้องกันความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉนวนกันความร้อนใยแก้วเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น

ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์


ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ แผ่นสะท้อนความร้อน มีความเหยียวยืดหยุ่นไม่ฉีกขาดง่าย ไม่ลามไฟ และสามารถติดตั้งได้ง่ายโดยใช้คู่กับอลูมิเนียมฟอยล์เทป แบบหุ้มฟอยล์ 2 ด้านเพื่อป้องกันการติดไฟและกันความร้อนได้สูงสุด โดยปกติแล้วจะติดตั้งไว้ที่ใต้หลังคาบ้าน นอกจากนี้ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์ยังมีราคาที่ถูกกว่าฉนวนใยแก้ว ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก เหมาะสำหรับคนอยากประหยัดงบประมาณ


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีน


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีน หรือ โฟม PE เป็นโฟมกันความร้อนแบบหนา มีความเหนียมนุ่ม ห่อหุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์สะท้อนความร้อน มีคุณสมบัติทนต่อแรงกระแทก ทนต่อการกัดกร่อนของกรดและความชื้น ที่สำคัญคือไม่ลมไฟ

โฟม PE เป็นที่นิยมใช้ติดตั้งตามโรงงาน แต่ช่วงหลังก็เริ่มนิยมมาใช้ติดตั้งกับบ้านเรือนมากขึ้น เนื่องจากฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีนมีราคาที่ไม่แพงมาก ติดตั้งง่ายและสามารถป้องกันความร้อนได้ดีเยี่ยม


ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม


ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ โฟม PS, โฟม EPS, โฟมขาว และ แผ่นฉนวนสำเร็จรูป ลักษณะโดยรวมจะคล้ายกับแผ่นพลาสติกที่หุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ทั้งสองด้าน เป็นโฟมกันความร้อนและความเย็นได้ในตัว น้ำหนักเบา ไม่ลามไฟ สามารถติดตั้งเคลื่อนย้ายได้ง่าย

ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม มีจำหน่ายทั้งแบบแผ่นหรือแบบติดคู่มากับแผ่นยิปซัม สามารถประยุกต์ใช้เป็นฝ้าเพดาน หรือต่อเติมเป็นผนังบ้านได้เลย โดยไม่ต้องใช้ฉนวนอื่นเพิ่มเติม


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน


ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า โฟม PU หรือ โฟมเหลือง เป็นโฟมกันความร้อนที่มีให้เลือกทั้งแบบแผ่นและแบบพ่น เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีคุณสมบัติทนความร้อน ทนความชื้นและกรมด่าง สามารถกันสนิมได้ และไม่ลามไฟ นิยมติดตั้งไว้ใต้หลังคาบ้าน


หากคุณสนใจอยากติดตั้งฉนวนกันความร้อนไว้ที่บ้าน ลองแวะเข้ามาเลือกสินค้าฉนวนกันความร้อนคุณภาพ คัดสรรจากแบรนด์ชั้นนำทั่วประเทศที่เว็บ Homepro.co.th สั่งซื้อสินค้าออนไลน์พร้อมบริการจัดส่งได้เลยทันที!

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562

ฉนวนกันความร้อน แบบไหนกันร้อนได้ดี พี่นี้อยากแนะนำ !

ฉนวนกันความร้อน (Insulation) คือ วัสดุที่ใช้สำหรับป้องกันความร้อนสำหรับบ้านเรือนทั่วไป ฉนวนกันความร้อนมีคุณสมบัติในการต้านทานพลังงานความร้อนช่วยทำให้บ้านของเราเย็นสบายมากกว่าเดิม ในปัจจุบันฉนวนกันความร้อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว, อลูมิเนียมฟอยล์, แผ่นสะท้อนความร้อน และ โฟมกันความร้อน เป็นต้น


ฉนวนกันความร้อน ใช้สำหรับติดตั้งใต้หลังคาบ้าน ฝ้าเพดาน หรือผนังกำแพงบ้าน นอกจากจะช่วยป้องกันความร้อนได้ดีแล้ว ยังสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย เพราะเมื่อบ้านของเราเย็นแล้ว เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดแอร์ตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อน!

ประเภทฉนวนกันความร้อน


อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าฉนวนกันความร้อนเป็นวัสดุก่อสร้างที่สามารถช่วยลดอุณภูมิภายในบ้านได้ดีเยี่ยม แต่ฉนวนกันความร้อนก็มีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แล้วฉนวนแบบไหน ที่จะเหมาะกับการใช้งานที่บ้านของเราที่สุดกันล่ะ? บทความนี้มีคำตอบจ้า

ฉนวนกันความร้อนทั่วไปจะแบ่งออกหลักๆเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น และ ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น…

1. ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น ค่อนข้างเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นฉนวนที่มีราคาให้เลือกหลายระดับ หาซื้อได้ง่าย แถมติดตั้งไม่วุ่นวายอีกด้วย โดยปกติแล้วฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะติดตั้งไว้บนฝ้าเพดานหรือใต้หลังคา ระยะสูงกว่า 1 เมตรขึ้นไป โดยฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นจะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว, ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์, ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลีเอทิลีน และ ฉนวนกันความร้อนโพลีสไตรีนโฟม ในส่วนของรายละเอียดของฉนวนแบบแผ่นแต่ละประเภทในบทความหน้านะคะ :)


2. ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นและแบบพ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่นและแบบพ่น คือ ฉนวนกันความร้อนโฟมโพลียูรีเทน หรือ โฟมเหลือง มีให้เลือกใช้งานทั้งแบบแผ่นและแบบพ่นตามความต้องการ มีคุณสมบัติทนความชื้น ทนกรดด่าง ไม่ลามไฟ และป้องกันสนิมได้ โดยฉนวนโฟมเหลืองแบบแผ่น มีจำหน่ายทั่วไปตามร้านค้าวัสดุก่อสร้างชั้นนำ ส่วนฉนวนโฟมเหลืองแบบพ่น จะต้องติดต่อผู้เชี่ยวชาญมาทำการติดตั้งเท่านั้น

3. ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น


ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น หรือโฟมกันความร้อน ค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับอาคารและโรงงาน โดยค่าติดตั้งฉนวนกันความร้อนแบบโฟม ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากมีความยุ่งยาก จำเป็นที่จะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำการติดตั้ง แต่โฟมกันความร้อนก็มีข้อดีหลายอย่าง เนื่องจากเป็นแบบพ่น จึงสามารถเข้าถึงได้ทุกซอกทุกมุมที่ต้องการ อีกทั้งยังสามารถผสมสารป้องกันแมลงลงไปด้วย ฉนวนกันความร้อนแบบพ่นจะมีให้เลือกใช้งานอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ ฉนวนกันความร้อนเซรามิคเซรามิคโค๊ตติ้ง และ ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ


อ่านกันมาจนถึงจุดนี้ คงจะพอทราบกันคร่าวๆแล้วเนอะว่าฉนวนกันความร้อนมีคุณสมบัติอะไรบ้าง และมีทั้งหมดกี่ประเภท โดยในบทความหน้า เราจะมาพูดกันถึงรายละเอียดของประเภทฉนวนกันความร้อนแบบเจาะลึกทุกรายละเอียดกันไปเลย อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ :)

หากคุณกำลังมองหาฉนวนกันความร้อนคุณภาพ ราคาถูกคุ้มค่า ลองแวะเข้ามาเลือกดูสินค้าฉนวนกันความร้อนได้ที่เว็บไซด์ของเรา >> ฉนวนกันความร้อน << หรือหากต้องการติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง หรือปรึกษารายละเอียดเกี่ยวกับตัวสินค้า สามารถโทรติดต่อ Call Center ได้ที่ 1284

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2562

รู้จักกับ “ที่นอน” แต่ละประเภทกับจุดเด่นที่คุณอาจไม่เคยรู้ !?

ที่นอน มีหลากหลายประเภทให้เลือกสรร โดยแต่ละประเภทก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยในปัจจุบันที่นอนมีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ผสมผสานเข้ากับวัสดุในการผลิต ซึ่งเป็นตัวช่วยเสริมให้ที่นอนรุ่นใหม่ มีคุณสมบัติที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ที่นอนช่วยถนอมกระดูกสันหลัง ที่นอนช่วยลดแรงกดทับ เป็นต้น



ดังนั้นวันนี้เลยแวะเอาข้อมูลเกี่ยวกับที่นอนแต่ละประเภท พร้อมกับคุณสมบัติของที่นอนที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนรวบรวมมาให้ได้อ่านกัน เผื่อว่าใครกำลังคิดอยากจะได้ที่นอนใหม่ จะได้เก็บนำความรู้ไปพิจารณาเลือกที่นอนที่ถูกใจกันเนอะ

ที่นอนยางพารา


ที่นอนยางพารา เป็นที่นอนสุขภาพที่ทางการแพทย์แนะนำให้คนที่มีปัญหาสุขภาพร่างกายและผู้สูงอายุนำไปใช้งาน เพราะที่นอนยางพารามีคุณสมบัติช่วยถนอมกระดูกสันหลัง ลดอาการเจ็บปวดหลัง ช่วยลดแรงกดทับจากการนอน และอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย

นอกจากนี้ที่นอนยางพารายังมีคุณสมบัติป้องกันการสะสมของไรฝุ่นและแบคทีเรีย เหมาะสำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้ฝุ่นอย่างมาก นอกจากนี้ที่นอนประเภทนี้มาพร้อมกับความยืดหยุ่น ไม่สะเทือนขณะพลิกตัวไปมา ไม่รบกวนผู้ที่นอนด้านข้างอย่างแน่นอน


แต่ที่นอนยางพารามีน้ำหนักมาก เรื่องของการเคลื่อนย้ายจึงค่อนข้างที่จะลำบากสักหน่อย แต่บอกเลยว่าหากเลือกที่นอนยางพารามาใช้งานที่บ้าน คุ้มค่าแน่นอนเนื่องจากเป็นที่นอนที่มีความทนทานสูง รับประกันคุณภาพ อายุการใช้งานนานถึง 15-20 ปี จึงไม่แปลกใจว่าที่นอนยางพารามีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าที่นอนประเภทอื่นๆ

ที่นอนสปริง


ที่นอนสปริง เป็นอีกที่นอนที่มีคุณสมบัตินุ่มเด้งสบาย เป็นที่นอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นที่นอนที่มีราคาให้เลือกหลากหลายระดับ และหาซื้อได้ง่าย นอกจากนี้เรื่องของความนุ่มน่านอนก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ที่นอนสปริงเป็นตัวเลือกที่หลายคนชื่นชอบ

ที่นอนสปริงมีน้ำหนักเบาสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย มาพร้อมกับระบบรองรับน้ำหนักด้วยเครือข่ายสปริงขดลวดจำนวนมากที่รองรับอยู่ด้านล่าง พร้อมทั้งมีการระบายอากาศและความอับชื้นได้ดี


ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง


ที่นอนพ็อกเก็ตสปริง คือที่นอนสปริงแต่มีความเงียบ ไม่ว่าคุณจะนอนพลิกสักแค่ไหนก็ไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน เหมาะมากสำหรับคนที่นอนดิ้นตลอดคืน ด้วยนวัตกรรมระบบสปริงแบบแยกอิสระ และขดลวดสปริงถูกออกแบบพิเศษให้มีความสูง เหนียว และยืดหยุ่น สามารถคืนตัวได้ดีกว่าที่นอนสปริงทั่วไป


ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจึงทำให้สามารถรองรับสรีระร่างกายส่วนโค้งเว้าตามธรรมขาติได้ดี อีกทั้งที่นอนยังมีน้ำหนักเบาจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก แต่หากพูดถึงเรื่องราคาที่นอนพ็อกเก็ตสปริงจะมีราคาที่สูงมากกว่า และอายุการใช้งานยาวนานมากกว่าที่นอนสปริงทั่วไป

ที่นอนเมมโมรี่โฟม


ที่นอนเมมโมรี่โฟม คือที่นอนที่ขึ้นชื่อเรื่องของความนุ่มนวล และกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติโฟมใยสังเคราะห์หรือโฟมวิทยาศาสตร์ ที่สามารถคืนตัวได้ตามน้ำหนักของผู้นอน รองรับทุกสรีระร่างกาย อีกทั้งช่วยลดแรงกดทับจากการนอนของข้อต่อและกระดูกได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยบริเวณผิวหนังสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบนอนที่นอนสัมผัสนุ่มสบาย พร้อมดูแลสุขภาพการนอนไปพร้อมกัน


แผ่นท็อปเปอร์


แผ่นท็อปเปอร์ เป็นแผ่นสำหรับรองที่นอนเพื่อเพิ่มความหนานุ่มให้กับที่นอนเดิม หรือสามารถใช้แทนที่นอนเลยก็ได้ การผลิตแผ่นท็อปเปอร์วัสดุหลักๆจะผลิตจากฟองน้ำอัด ยางพารา และใยสังเคราะห์ ท็อปเปอร์มีความหนาเพียง 1-4 นิ้ว สำหรับที่นอนขนาด 3.5 ฟุต และ 6 ฟุต


สั่งซื้อที่นอนและแผ่นท็อปเปอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Homepro.co.th สินค้าคุณภาพจัดส่งรวดเร็วพร้อมรับประกันคุณภาพ