วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เทคนิคการเลือกประเภทสีทาบ้าน

อยากเปลี่ยนลุคบ้านให้ดูสวยสดใส เทคนิคที่ง่ายที่สุดคือการเลือกสีทาบ้านโทนสีต่างๆในแบบที่คุณชอบ แต่เวลาไปยืนอยู่ที่หน้าชั้นขายสี แล้วมันก็เกิดอาการตาลายและสับสน เลือกไม่ถูกว่าจะเอาสีอะไรมาใช้ตกแต่งบ้านของเราดี … ในวันนี้เลยมีคำแนะนำในการเลือกโทนสีและประเภทของสีทาบ้านมาฝากกันจ้า

สีทาบ้าน
ภาพจาก perryhomessouthernutah.com

แบ่งประเภทของสีทาบ้าน


โดยปกติแล้วเนี่ย เราจะแบ่งประเภทของสีทาบ้านออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆคือ สีน้ำพลาสติก ที่เราใช้ทาพื้นผิวปูน มีทั้งใช้ทาภายนอกและภายใน แบ่งย่อยออกเป็นชนิดด้านและกึ่งเงากึ่งด้าน

สีพลาสติกชนิดด้าน


สีน้ำพลาสติกชนิดด้าน เหมาะกับการนำมาใช้กับห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องอ่านหนังสือ สีประเภทนี้จะแห้งเร็วมาก ประมาณ 20-60 นาที ผสมเข้ากัยน้ำเปล่าตามอัตราส่วนที่กำหนด ก็สามารถนำมาไปใช้ได้เลยทันที และมีกลิ่นที่ไม่รุนแรง

สีน้ำพลาสติกชนิดกึ่งเงากึ่งด้าน


สีน้ำพลาสติกชนิดกึ่งเงากึ่งด้าน จะมีคุณสมบัติคล้ายๆกันแหละ แต่มีความต่างกันตรงที่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ด้วย เหมาะกับห้องเด็ก ห้องอาหาร ที่มีโอกาศที่ผนังห้องจะเปื้อนและสกปรกมากกว่าปกติ

สีน้ำมัน


สีน้ำมัน เหมาะกับการใช้ทาผนังไม้ พื้นผิวไม้ หรือทาสีเหล็ก เนื้อสีมีความเงางามสวยมาก แต่ว่ามีกลิ่นที่ค่อนข้างฉุนรุนแรง กว่าจะแห้งก็ปาไป 6 ชั่วโมง ก่อนนำมาใช้ทาก็ผสมเข้ากับทินเนอร์หรือน้ำมันก่อน เหมาะกับการนำไปใช้ทาสีห้องน้ำ โรงจอดรถ ประตูรั้ว หรือทาภายนอกอาคาร

สีทาบ้าน
ภาพจาก summitcoatings.com.au

พัฒนาคุณสมบัติ


ปัจจุบันในวงการผู้ผลิตสีทาบ้าน ก็ได้มีการพัฒนาคุณภาพและคุณสมบัติของสีทาบ้าน ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ และตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น ที่สำคัญคือเพิ่มความปลิดภัยต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย อาทิเช่น…


  • สีน้ำพลาสติกอะคริลิค ที่มีคุณสมบัติปราศจากกลิ่นจากสารระเหยทินเนอร์ สารปรอท หรือสารตะกั่ว
  • สีน้ำมัน ที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่ว่าจะแดด ฝน ลม หนาว ก็ยังคงรักษาความสวยงามไวได้อย่างยาวนาน


การเลือกสีทาบ้าน


การเลือกสีทาบ้าน นอกจากจะต้องเลือกเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแล้ว ยังต้องนึกถึงเรื่องของความคุ้มค่าและคุณภาพของสีด้วย เพราะสีทาบ้าน เป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบ้านที่เรารัก ดังนั้นการเลือกสีทาบ้านที่มีคุณภาพดี ก็จะยิ่งช่วยทำให้บ้านของเราดูสวยและทนทานยาวนานมากขึ้นค่ะ

บทความแนะนำ



วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เครื่องมือช่างและอุปกรณ์ซ่อมแซมที่ควรมีติดบ้าน

เครื่องมือช่าง หรืออุปกรณ์ซ่อมแซมต่างๆ เป็นสิ่งที่เราจะต้องมีติดบ้านเอาไว้ใช้งานบ้าง ถึงแม้ว่าเรื่องงานช่าง มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลตัว แต่ในยามฉุกเฉิน มีของใช้หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องซ่อมแซมทันที หรือคุณอยากจะต่อเติมบ้านเล็กๆน้อยๆ เราจะได้ลงมือทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอช่างให้เสียเวลา…

เครื่องมือช่าง Homepro
ภาพจาก Wirecutter

แต่อุปกรณ์เครื่องมือช่างมีอยู่เยอะแยะ บางอย่างเราก็รู้จักและเคยใช้มาบ้าง แต่บางอย่างเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ดังนั้นบทความนี้เรามาลิสรายชื่อเครื่องมือช่างต่างๆที่ควรมีติดบ้าน ว่ามีอะไรบ้าง และหาซื้อได้ที่ไหน ชี้เป้าตามไปเลือกช้อปปิ้งได้เลย !

เครื่องมือช่างที่ควรมีติดบ้าน


เครื่องมือช่างโดยทั่วไปแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ เครื่องมือช่างพื้นฐาน และ เครื่องมือช่างเฉพาะทาง ซึ่งแน่นอนว่า เครื่องมือช่างพื้นฐาน เป็นสิ่งที่เราควรมีติดบ้านเอาไว้ …

เครื่องมือช่างพื้นฐาน ก็จะเป็นสิ่งที่เรารู้จักกันอยู่แล้วแหละ เช่นพวก ค้อน ไขควง เลื่อยมือ ฯลฯ เครื่องมือเหล่านี้ไม่ได้ประกอบด้วยกลไกซับซ้อน สามารถใช้งานได้ง่าย แต่ก็อาจจะต้องมีทักษะการใช้งานกันอยู่บ้าง เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

ค้อน


ค้อนเป็นอุปกรณ์เครื่องมือช่างหลักๆเลยที่ทุกบ้านต้องมีไว้ใช้งาน ค้อนเป็นเครื่องมือสำหรับตอกหรือทุบบนวัตถุอื่น เช่น การตอกตะปู การจัดชิ้นส่วนให้เข้ารูป หรือต้องการทุบทำลายสิ่งของ ฯลฯ

เครื่องมือช่าง Homepro
ภาพจาก protoolreviews.com

ค้อนหงอน


อันที่จริงค้อนมีหลายรูปแบบและมีการใช้งานที่แตกต่ากงันไป ค้อนหงอน เป็นค้อนที่อีกรูปแบบที่ทำได้มากกว่าการตอกตะปู เพราะค้อนหงอนมี 2 ด้าน ด้านนึงเป็นหน้าค้อนมีไว้เพื่อตอกสิ่งของ และอีกด้านเป็นหงอน 2 ง่าม สำหรับใช้งัดแงะ

ไขควง


ไขควงเป็นอีกเครื่องมือช่างที่เราหยิบจับใช้งานกันบ่อยมาก เพราะไขควงเป็นอุปกรณ์สำหรับการขันน็อตที่ติดมากับเฟอร์นิเจอร์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ มีไขควงติดบ้านไว้รับรองเลยว่าได้หยิบมาใช้งานแน่นอน

สว่านไร้สาย


สว่าน เป็นเครื่องมือช่างพื้นฐานอีกอย่างที่ควรมีติดบ้าน แต่สว่านอาจจะดูเป็นเครื่องมือช่างแบบฮาร์ดคอร์มากเกินไปสำหรับคนที่ไม่เคยใช้สว่านมาก่อน ดังนั้นอีกทางเลือกสำหรับมือใหม่หัดงานช่าง ลองเลือกเป็นสว่านแบบไร้สาย ขนาดเล็กกะทัดรัดและใช้งานได้สะดวกมากกว่า

เครื่องมือช่าง Homepro
ภาพจาก medium.com

ตลับเมตร


ตลับเมตรเป็นเครื่องมือช่างที่ใช้สำหรับการชี้วัดระยะ ความกว้าง ความยาว ความสูง โดยมีหน่วยมาตราการวัดเป็น นิ้ว เซนติเมตร ฟุต กำกับเอาไว้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

ประแจ


ประแจ เป็นเครื่องมือช่างที่จำเป็นมากสำหรับการหมุนหัวน็อต จะสังเกตุได้ว่าตรงส่วนหัวประแจ มีรูปทรง 8 เหลี่ยม เพื่อการยึดตัวน็อตให้แน่นยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่ทำจากเหล็กผสมด้วยโครเมียมและวานาเนียม มีความแข็งแรงทนทาน

คีม


คีม เป็นเครื่องมือช่างอีกอย่างที่เราคุ้นเคยกันดี อย่างคีมปากจิ้กจก คีมปากปหลม คีมตัดปากเฉียง คีมปากขยาย ที่ควรมีติดบ้านเอาไว้สักอัน คีมสามารถใช้จับวัสดุ ตัดวัสดุ ตัดลวด และทำหน้าที่ช่วยให้การหมุนสายไฟหรือลวดได้สะดวกมากขึ้น

เครื่องมือช่าง Homepro
ภาพจาก The Avid Engineer

บันได


บันได เป็นอีกเครื่องมือช่างที่มีติดบ้านไว้ก็ไม่เสียหาย อย่างน้อยเวลาเราต้องการหยิบของต่างๆในที่สูง หรือเปลี่ยนหลอดไฟ เราจะได้มีบันไดไว้ปีน ซึ่งปลอดภัยกว่าการปีนเก้าอี้แน่นอน

มีดคัตเตอร์


มีดคัตเตอร์ เป็นอุปกรณ์สำหรับตัดพวกอุปกรณ์สายไฟ ตัดกระดาษ ตัดเทปกาว หรือสิ่งของต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น คัตเตอร์มีให้เลือกหลยขนาด แล้วแต่ว่าเราจะเอามาใช้งานลักษณะไหน

เทปพันสายไฟ


มีติดไว้ก็ดี เพราะเผื่อเวลาฉุกเฉิน ฉนวนที่ห่อหุ้มสายไฟชำรุด จะได้สามารถซ่อมแซมในเบื้องต้นได้ก่อน เทปพันสายไฟ ทำจากพลาสติกที่ทนต่อการความร้อน ยืดหยุ่นได้ ก่อนใช้งานควรดึงเทปให้ยืดก่อนพัน เพื่อลดการเกิดฟองอากาศ พันสัก 2-3 รอบก็พอ

ถุงมือผ้า


ถุงมือผ้า เป็นอุปกรณ์ที่เรามีเอาไว้เพื่อป้องกันมือของผู้ใช้ เพราะงานช่างต่างๆ ค่อนข้างอันตรายพอสมควร ต้องจับของหนัก ของแหลมและมีคมอยู่ตลอด อาจจะได้รับบาดเจ็บได้ ถุงมือเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันได้ในเบื้องต้น

ที่กล่าวมา ก็เป็นเครื่องมือช่างเล็กๆน้อยๆ ที่ควรมีติดไว้ใช้งานที่บ้าน เผื่อเอาไว้สำหรับงานซ่อมแซมเล็กๆน้อยๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน หากใครอยากได้เครื่องมือช่างคุณภาพ คุ้มราคา ขอแนะนำกล่องเครื่องมือช่าง ที่มีอุปกรณ์สำงานงานซ่อมแซมแบบครบครันไว้ใช้งานกันดูค่ะ สามารถแวะเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้ที่ Homepro.co.th

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

จัดเก็บเครื่องมือช่างอย่างไรให้หยิบง่ายใช้สะดวก

เครื่องมือช่าง เป็นอีกอุปกรณ์ที่ทุกบ้านจะต้องมีไว้ใช้งาน อย่างน้อยก็ต้องมีพวกไขควงหรือประแจกันอยู่บ้างแหละสักอย่างสองอย่าง โดยเฉพาะบ้านที่คุณพ่อบ้าน ชื่นชอบเรื่องของงานช่าง มักจะซื้อเครื่องมือช่างมาเก็บเอาไว้ใช้งานที่บ้านเยอะแยะไปหมด

ภาพจาก Set of Sail

จนบางทีก็ประสบกับปัญหาเรื่องของการจัดเก็บ มีเครื่องมือช่างเยอะจนไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ตรงไหนดี บางทีเก็บแยกที่กัน จะหยิบจะควานหาออกมาใช้งานอีกครั้ง ก็หลงๆลืมๆกันไปบ้างว่ากระจายเก็บเอาไว้ที่ไหนบ้าง … หรือบางทีก็หายไปเลย หายไปในอากาศ … หายไปแบบ งงๆ ไม่รู้ตัว

วันนี้เลยแวะเอาไอเดียการจัดเก็บเครื่องมือช่างแสนง่าย หยิบใช้งานสะดวกมาฝากกัน รับรองได้เลยว่า หากนำไอเดียในบทความนี้ไปทดลองใช้ เครื่องมือช่างคู่ใจไม่หายแน่นอน !

มีผนังว่างอย่าปล่อยไว้

เทคนิคแรกเลยสำหรับการจัดเก็บเครื่องมือช่าง คือการสร้างกำแพงสำหรับแขวนเครื่องมือช่าง โดยคุณอาจจะเลือกใช้เป็นไม้ระแนง หรือไม้พาเลทมาเจาะรู เพื่อแขวนเครื่องมือช่างและกล่องสำหรับใส่อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ อย่างเป็นระเบียบ ถือโอกาศเปลี่ยนกำแพงว่างเปล่าให้เกิดประประโยชน์มากขึ้นไปในตัว

หรือหากใครมีงบประมาณมากพอ ก็ลองเลือกชั้นวางของและชั้นแขวนดีไซน์สวยๆมาติดตั้งกับผนัง สำหรับจัดเก็บเครื่องมือช่างก็ดูดีมีสไตล์ไปอีกแบบ จัดแบ่งหมวดหมู่ของเครื่องมือได้อย่างเป็นระเบียบ

กระดาน Pegboard

หากใครคิดว่าไม่อยากจะล็อคตำแหน่งจัดเก็บเครื่องมือช่างเอาไว้ที่จุดๆเดียว อยากจะยืดหยุ่นเคลื่อนย้าย สลับไปมาได้ด้วย ก็ลองเอากระดาน Pegboard มาใช้งานกันดูค่ะ

ภาพจาก treehousecafe.info

กระดาน Pegboard เป็นกระดานหรือแผ่นไม้ที่เจาะรูเล็กๆทั่วแผ่น เปลี่ยนสลับตำแหน่งในการจัดเก็บได้ง่ายๆด้วยการเปลี่ยนจุดที่ใส่หมุดหรือชั้นวาง เสียบเข้าตามรูที่เจาะเอาไว้ จัดเรียงเครื่องมือช่างเป็นระเบียบ แถมยังดูมีความเก๋ไก๋สไตล์วัยรุ่นไม่น่าเบื่ออีกด้วยค่ะ

กระดานไวท์บอร์ดแม่เหล็ก

กระดานไวท์บอร์ดแบบที่เป็นแม่เหล็ก เป็นอีกไอเทมที่เหมาะสำหรับการนำมาประยุกต์ใช้เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บเครื่องมือช่างแบบกระจุ๋มกระจิ๋ม พวกตะปู ดอกสว่าน ตลับเมตร จับใส่กล่องพลาสติกเล็กๆ ที่ติดแม่เหล็กเอาไว้ เพื่อนำไปแปะกับกระดานไวท์บอร์ดแม่เหล็ก ง่ายและสะดวกดีใช่ไหมล่ะ?

กระดานแขวนเครื่องมือช่าง

เมื่อเรามีที่เก็บพวกอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆกันแล้ว พวกอุปกรณ์เครื่องมือช่างขนาดใหญ่ อย่างพวก สว่านไฟฟ้า เราจะเก็บไว้ที่ไหนดี?

แนะนำไอเดียกระดานแขวนมาติดกำแพง และนำถุงผ้าหรือตะขอมาติดเข้าไปเพื่อแขวนใส่เครื่องมือช่างพร้อมอุปกรณ์อื่นๆ เรียงรายจัดวางระเบียบเรียบร้อย ในราคาประหยัดสบายกระเป๋า

ข้อควรระวัง

การจัดวางเครื่องมือช่างเอาไว้ตามกำแพงบ้าน อาจจะสะดวกสบายในการหยิบใช้งานก็จริง แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่ในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากขึ้นชื่อว่าเครื่องมือช่าง อุปกรณ์แหลมๆ คมๆ หนักๆ ก็มีค่อนข้างเยอะ หากที่บ้านคุณมีเด็กน้อย หรือลูกวัยกำลังซน แนะนำให้มองหาฝาครอบและล็อคกุญแจเอาไว้จะช่วยป้องกันอันตรายได้มากขึ้น

หรือหากคุณมีงบประมาณมากพอ ก็ลองมองหาบ้านเก็บของแบบกลางแจ้ง แยกสัดส่วนออกไปเลยสำหรับจัดเก็บเครื่องมือช่าง ที่ได้ทั้งความสะดวก ความเป็นระเบียบ และแน่นอนว่าปลอดภัยกับทุกคนในครอบครัวอย่างแน่นอนค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับไอเดียการออกแบบและจัดระเบียบเครื่องมือช่าง ด้วยการเปลลี่ยนจากผนังกำแพงบ้านแสนว่างเปล่าที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำประโยชน์อะไรดี กลายเป็นมุมงานช่างสุดโปรดของคุณพ่อบ้าน แถมช่วยคุณแม่บ้านจัดเก็บทุกอย่างอย่างเปนระเบียบ ไม่ปวดหัวในการค้นหาอีกต่อไป !

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เลือก “สีทาบ้าน” เคล็ดลับการตกแต่งบ้านสวยลงตัวทุกมุมมอง

สีทาบ้าน เป็นอีกตัวช่วยที่จะสามารถเปลี่ยนบรรยากาศภายในบ้านให้ดูน่าอยู่มากขึ้น เพราะบ้านเป็นสถานที่พักพิงทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นที่ที่เราสร้างความสุขร่วมกับสมาชิกภายในครอบครัว ยิ่งหากบ้านของเราตกแต่งบ้านด้วยโทนสีและดีไซน์ที่เราชื่นชอบด้วยแล้ว บอกเลยว่าความสุขจะยิ่งเพิ่มทวีคูณมากกว่าเดิมแน่นอน

สีทาบ้าน

เคล็ดลับการตกแต่งบ้านให้ออกมาดูโดดเด่น สามารถทำได้แบบง๊ายง่าย ด้วยการเลือกโทนสีทาบ้าน ซึ่งหลายคนเลือกโทนสีทาบ้านตามความชอบ บางคนก็เลือกตามราศีเกิด หรือตามหลักฮวงจุ้ย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ควรที่จะศึกษารายละเอียดและหลักในการเลือกสีทาบ้าน ให้เหมาะสมกับการใช้งานและสถานที่ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างบรรยากาศสุดแฮปปี้ ให้กับการอยู่อาศัยภายในบ้านอย่างลงตัว โดยการเลือกสีทาบ้าน ให้พิจารณาจาก …

ประเภทของสีทาบ้าน


หากคุณเคยไปเดินเล่นตามร้านค้าสีทาบ้าน จะเห็นเลยว่าประเภทของสีทาบ้านมีเยอะมาก หากใครที่ไม่เคยมีความรู้ทางด้านนี้มาก่อน ก็ต้องมี งง กันบ้างแหละ !

สีทาบ้านแต่ละประเภท ก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่าง ความเหมาะสมในการใช้งานก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกสีทาบ้าน คือเรื่องของประเภทสีเป็นอันดับแรก…

สีทาบ้านประเภท “สีอะคริลิค”


สีอะคริลิค หรือสีพลาสติก เป็นสีทาบ้านที่นิยมใช้กันมากเป็นอันดับต้น สามารถใช้ทาได้ทั้งภายนอกและภายใน โดยสีอะคริลิคสำหรับทาภายใน จะมีราคาที่สูงกว่าสีทาภายใน เป็นสีที่เหมาะกับการนำมาใช้ทาผนังคอนกรีต หรือกำแพงซีเมนต์ สีอะคริลิค มีคุณสมบัติทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ทนแดด ทนฝน กันเชื้อรา กันตะไคร่น้ำ กันความเป็นกรด-ด่างต่าง บอกเลยว่ามีประสิทธิภาพสุดๆ

สีทาบ้านประเภท “สีทาไม้”


สีทาไม้ ก็ใช้สำหรับทาไม้ตามชื่อของมัน ใช้ทาได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นไม้ ผนังไม้ หรืออะไรก็ตามที่ทำจากวัสดุไม้ เพิ่มความเงางามให้กับวัสดุไม้ เผยลวดลายของไม้ธรรมชาติเห็นลายชัดและดูสวยมากขึ้น

สีทาบ้านประเภท “สีน้ำมัน”


สีน้ำมัน เป็นสีที่เมื่อนำมาใช้งานแล้ว มีความสวยเงางาม มีความวาวเมื่อสะท้อนแสง เป็นคุณสมบัติเฉพาะของสีน้ำมัน นิยมนำมาใช้ทากับงานประเภทโลหะ หรืองานคอนกรีต ราคาค่อนข้างสูง และแห้งช้ามาก ต้องทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง

สีทาบ้านมีหลายเกรดนะรู้ป่าว ?


สีทาบ้านนอกจากมีหลายประเภทแล้ว ยังมีหลายเกรดให้เราเลือกอีกด้วย พอเริ่มรายละเอียดเยอะ หลายคนเริ่มร้อง เฮ้ออ… อย่าเพิ่งรู้สึกเหนื่อยกันค่ะ เพราะเกณฑ์การเลือกเกรดของสีทาบ้านให้เหมาะกับการใช้งาน ไม่ยากอย่างที่คิด โดยเกรดของสีทาบ้านแบ่งออกเป็นสีทาบ้านเกรด A, B, C, D และ E ซึ่งสีทาบ้านแต่ละเกรดก็มีความแตกต่างดังนี้…

สีทาบ้าน
ภาพจาก novved.ru

สีทาบ้านเกรด A


สีทาบ้านเกรด A เป็นสีที่มีคุณภาพสูง เป็นสีที่นำเข้ามาจากทางฝั่งยุโรป มีส่วนผสมของสีอะคริลิค 100% อายุการใช้งานยาวนาน 5 – 10 ปีเลยทีเดียว

สีทาบ้านเกรด B


สีทาบ้านเกรด B ถึงแม้ว่าจะมีส่วนผสมของสีอะคริลิค 100% เหมือนกัน แต่เป็นสีที่มีคุณภาพกลางๆ มาจากแถบโซนเอเชีย มีอายุการใช้งานประมาณ 3 – 5 ปี

สีทาบ้านเกรด C


สีทาบ้านเกรด C เป็นสีที่มีส่วนผสมของอะคริลิค 70% และผสมสารอื่นๆเข้าไปที่เหลืออีก 30% เรื่องของคุณภาพก็พอใช้ได้ อายุการใช้งานก็ตามสภาพ 1 – 3 ปี

สีทาบ้านเกรด D


สีทาบ้านเกรด D เป็นสีที่มีคุณภาพต่ำที่สุด เพราะมีส่วนผสมของสารอื่นๆอยู่ในสีมากกว่า 30% ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะมากเลยทีเดียว ดังนั้นเรื่องของความทนทานก็อย่าคาดหวังมากค่ะ (ฮ่าๆ)

เมื่อเราทำความรู้จักกับประเภทของสีทาบ้านและเกรดของสีกันไปแล้ว มาดูกันต่อในเรื่องของหลักการเลือกโทนสีทาบ้านให้เหมาะสมกับการตกแต่งภายในกันต่อเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจาก…

ความสว่างภายในบ้าน


หากคุณต้องการที่จะเพิ่มแสงสว่าให้กับการตกแต่งภายใน สีทาบ้านที่เหมาะสมมากที่สุดคือ สีทาบ้านโทนสีขาว หรือโทนสีอ่อนๆ อย่างเช่น สีครีม สีเบจ หรือสีพาสเทล เป็นเมนหลัก เพราะโทนสีสว่างๆ จะช่วยทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูปลอดโปร่งและกว้างขวางมากขึ้น

แต่ในกรณีที่บ้านของคุณมีพื้นที่กว้างอยู่แล้ว แนะนำให้เลือกโทนสีทาบ้านเข้มขึ้นมาหน่อย อย่างเช่น สีน้ำตาล สีน้ำเงิน หรือสีเขียว เพื่อที่จะทำให้บ้านของเราไม่ดูโล่งจนเกินไป

ภาพจาก lakbermagazin.hu

อยากให้บ้านดูสดใสแปลกใหม่กว่าเดิม


เชื่อว่าบ้านของทุกคนในตอนนี้ ส่วนใหญ่มักจะเลือกโทนสีอ่อนเป็นสีหลักในการตกแต่งใช่ไหมล่ะ? สีขาว สีครีม สีเทา ซึ่งก็เป็นโทนสีที่ดูเรียบง่าย และสามารถเข้าได้กับการตกแต่งบ้านแทบจะทุกรูปแบบ แต่… ความเรียบง่าย บางครั้งก็อาจจะแลดูน่าเบื่อจนเกินไป…

ลองเสริมเติมแต่ง ด้วยการเลือกสีทาบ้าน หลากหลายเฉดสีมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความสดใส ครีเอทดีไซน์ที่เป็นตัวของคุณเองกันดู อย่างเช่น เลือกสีทาบ้านแบบทูโทน สีขาวทาสลับกับสีครีม แต่งแต้มแต่ละมุมบ้านด้วยเฉดสีที่แตกต่าง รับรองได้เลยว่า บ้านของเราจะดูสดใสและมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมแน่นอน

ภาพจาก Living Room Ideas

เปรียบเทียบสีทาบ้านกับเฟอร์นิเจอร์


การผสมผสานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์กับสีทาบ้าน สำหรับบ้านที่กำลังก่อสร้างใหม่ สามารถทำได้ง่ายมากกว่า เพราะเราได้วางแผนการตกแต่งตั้งแต่เริ่มต้น … แต่สำหรับบ้านที่รีโนเวทในภายหลังนี่สิ อาจจะมีความยากสักนิด เพราะคุณจะต้องคำนึงถึงสิ่งของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านประกอบการตัดสินใจเลือกโทนสีสันด้วย…

มันคงจะดูไม่ค่อยจะเข้ากันนัก หากดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ของเรามาในรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ไม้สักดูเก่า ดูมีความคลาสสิค แต่กลับเลือกสีทาบ้านสีชมพูมาตกแต่ง ! เป็นอะไรที่ไม่เข้ากันสุดๆเลยใช่รึเปล่าล่ะ (หรือหากใครชอบอะไรที่ดู contrast ก็ไม่ว่ากันนะ ฮ่าๆ)

ภาพจาก Living Room Ideas

อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนเริ่มที่จะเข้าใจเรื่องของการเลือกสีทาบ้านกันมากขึ้น หวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้เพื่อนๆสามารถเลือกสีทาบ้านได้เหมาะสมกับการใช้งานได้มากขึ้นนะคะ

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561

วันแม่ปีนี้ มีของขวัญดีดีให้คุณแม่แล้วรึยัง ?

วันเวลาผ่านไปไวม๊ากมาก แป็ปเดียวก็พ้นครึ่งปีไปแบบไม่รู้ตัว พอเข้าสู่เดือนสิงหาคมหลายนเฝ้าคิดถึงแต่วันหยุดยาว วางแผนไปเที่ยวอะไรก็ว่ากันไป แต่อย่าลืมกันนะคะ… ว่าเดือนสิงหาคมเป็นเดือนสุดพิเศษ เพราะเดือนนี้เป็นเดือนของคุณแม่ ! 12 สิงหาคม “วันแม่แห่งชาติ” นั้นเอง!

ของขวัญวันแม่
ภาพจาก AARP

เมื่อพูดถึงวันแม่แห่งชาติ เชื่อว่าหลายคนก็เตรียมของขวัญน่ารักๆไว้ให้คุณแม่กันแล้วล่ะ แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า จะซื้ออะไรให้แม่ดี จะเลือกของขวัญแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับคุณแม่ วันนี้ก็มีไอเดียน่ารักๆ ในการเลือกของขวัญส่งมอบความรักและความสุขให้กับคุณแม่มาฝากกันค่ะ

ไลฟ์สไตล์คุณแม่เป็นอย่างไร ?


ก่อนอื่นเลย เราต้องรู้ก่อนว่าแม่ของเราชอบอะไร มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ซึ่งแน่นอนว่า ทุกคนน่าจะรู้กันอยู่แล้วล่ะเนอะว่าคุณแม่ของตัวเองชอบอะไรเป็นพิเศษ (ถ้าไม่แน่ใจก็แอบถามคุณพ่อก็ได้ค่ะ หาตัวช่วยหารไปเลย ฮ่าๆ)

คุณแม่คอกาแฟ


ยกตัวอย่างเช่น คุณแม่เป็นชอบดื่มชากับกาแฟม๊ากมาก ของขวัญที่เหมาะสมมากที่สุดก็คงจะเป็น ชุดกาน้ำชา หรือแก้วกาแฟสวยๆสักแก้วก็ได้ค่ะ หรือหากคุณตองการเพิ่มความพิเศษให้กับของขวัญ ให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ก็จัดไปเลยจ้า นั่งวาดลวดลายแก้วกาแฟด้วยตัวเองไปเลย น่ารักเก๋ๆ คุณแม่จะต้องดีใจมากแน่ๆ

ภาพจาก Bustle

คุณแม่สายแฟชั่น


หรือหากคุณแม่เป็นคนที่ชื่นชอบแฟชั่นมากๆ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว ชอบแต่งหน้า อันนี้ไม่ยากเลย ลองซื้อพวกเครื่องสำอางค์ กระเป๋า รองเท้า หรือชุดสวยๆให้สักชุดให้กับคุณแม่ บอกเลยว่าแค่นี้ท่านก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ แต่หากใครไม่แน่ใจว่าคุณแม่จะชอบเครื่องสำอาง เสื้อผ้าแบบไหน ก็ไปเลยค่ะ จูงมือคุณแม่ไปเลือกด้วยกันเลย ถือเป็นการใช้เวลาร่วมกับคุณแม่ในวันพิเศษ พาแม่ไปช้อปปิ้งสะหน่อย

ของขวัญวันแม่

คุณแม่สายสุขภาพ


หากคุณแม่เป็นคนที่ชอบออกกำลังกายม๊ากมาก ดูแลตัวเองดี๊ดี รักสุขภาพ ชอบไปเดินไปวิ่งที่สวนสาธารณะ ของขวัญที่อยากจะแนะนำให้เลือกมากที่สุดคือ สมาร์ทวอทช์ ค่ะ ก็สำหรับคนที่มีงบประมาณขึ้นมาสักหน่อยล่ะเนอะ เพราะสมาร์ทวอทช์เองก็มีราคาค่อนข้างสูง แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าเดี๋ยวนี้มีโปรบัตรร่วมรายการเยอะ ผ่อน 0% ได้ตั้งหลายเดือน บอกเลยว่าคุณแม่ปลื้ม คุณลูกก็จ่ายแบบชิวๆสบายๆ

ของขวัญวันแม่
ภาพจาก Gadfit

สมาร์ทวอทช์ รุ่นไหนดี ?


บอกตรงๆว่า ถ้าพูดถึงสมาร์ทวอทช์ ตอนนี้ค่อนข้างบูมมากเลยทีเดียว แต่สำหรับใครที่อยากจะได้สมาร์ทวอทช์มาเป็นของขวัญให้กับคุณแม่สายสุขภาพ ในราคาเบาๆ สบายกระเป๋า อย่างเช่น สมาร์ทวอทช์ Garmin Forerunner 235 หรือ สมาร์ทวอทช์ SUUNTO 3 Fitness เป็นรุ่นแนะนำที่หากเลือกซื้อมาสวมใส่แล้วรับประกันเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน

คุณแม่สายเสน่ห์ปลายจวัก


หากคุณแม่เป็นคนที่ชอบทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเมนูอะไร คุณแม่ก็สามารถทำได้หมด ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่า กำลังลดน้ำหนักอยู่นะ คุณแม่ก็จะไม่สนใจ ทำของโปรดไว้รอเรากลับบ้านไปกินอยู่เสมอ …

วันแม่ปีนี้สำหรับคุณแม่สายเสนห์ปลายจวัก ก็ลองเลือกพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับอำนวยความสะดวกในการทำอาหาร ที่สามารถดูแลด้านสุขภาพร่างกายของเราและครอบครัวได้ด้วย อย่างเช่น เครื่องทอดไร้น้ำมัน รังสรรค์เมนูอาหารทอดกรอบแสนอร่อย โดยไม่ต้องใช้น้ำมันสักหยด ! บอกเลยว่า อิ่มอร่อย แถมไม่อ้วนด้วยนะจ๊ะ คุณแม่ปลื้ม คุณลูกฟิน ม๊ากมาก >,,<


คุณแม่สายคลีน


สำหรับคุณแม่สายคลีน ชอบทำความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ บ้านสะอาดเอี่ยมทุกซอกทุกมุมด้วยฝีมือคุณแม่ แต่สังขารบางทีมันก็ไม่เที่ยงเนอะ กวาดบ้านถูบ้าน บางทีก็อาจจะทำไม่ค่อยจะไหว ทำแป็ปเดียวก็รู้สึกเหนื่อย สังเกตุได้จากช่วงหลังๆ คุณแม่เริ่มบ่นมากขึ้น ปวดหลังบ้าง ปวดแขนบ้าง …

แม่บ่นเหนื่อยนิดหน่อย ลูกรักอย่างเรา ก็ต้องมองหาผู้ช่วยทำความสะอาดบ้านมาให้คุณแม่สิคะ จัดไปเลยกับเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์อัจฉริยะ ที่มีระบบการทำความสะอาดบ้านทุกซอกทุกมุมแบบอัตโนมัติ ด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นระดับเทพ

เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์

สามารถตั้งค่าเวลาการทำงานได้ตามความต้องการ จะกลางวัน กลางคืน หรือเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน เจ้าเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ ก็สามารถวิ่งออกมาทำหน้าที่รักษาความสะอาดภายในบ้านได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

จากที่แนะนำมาข้างต้น ก็เป็นเพียงไอเดียเล็กๆน้อยๆ ที่อยากจะเอามาแชร์ให้กับเพื่อนๆที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเลือกของขวัญแบบไหนให้กับคุณแม่ดี .. แต่เอาจริงๆ ของขวัญราคาแพงอะไรก็คงไม่มีค่าเท่าการกระทำของเราหรอกค่ะ ในทุกๆวัน ขอแค่เดินไปกอดคุณแม่ แล้วก็หอมสักทีสองที บอกว่ารักนะจ๊ะ ทำทุกๆวันให้เป็นวันสำคัญ แค่นี้คุณแม่ก็น่าจะชื่นใจแล้วล่ะ

ของขวัญวันแม่

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

การเลือกสีทาบ้าน โทนสีร้อน โทนสีเย็น แบบไหนดีนะ?

การเลือกโทนสีทาบ้าน เพื่อใช้ในการตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องน้ำ หรือห้องครัว ก็ต้องเลือกโทนสีทาบ้านให้เหมาะสม เพราะสีแต่ละสี ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก DIY Network

ยกตัวอย่างง่ายๆเลยคือ เวลาเรานั่งทำงาน นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน สายตาของเราจะเมื่อล้า แต่หากเราละสายตา มามองโทนสีเขียวๆ จากต้นไม้เล็กๆข้างๆจอที่เราปลูกไว้ จะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ และช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าสายตาได้ดี

นอกจากนี้ยังมีการวิจัยออกมาแล้วด้วยว่า พลังของโทนสี สามารถช่วยในการบำบัดโรคได้ด้วย โดยนักจิตวิทยา เชื่อว่าโทนสีมีความสัมพันธ์กับร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของทุกคน และโทนสีเป็นอะไรที่บ่งบอกถึงตัวตนของคุณเอง

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก Home Depot

สีโทนร้อน เช่น สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีม่วง จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันกับโทนสีเย็น เช่น สีฟ้า สีเขียว สีขาว สีชมพู เป็นต้น โดยโทนสีต่างๆเหล่านี้ จะไปกระตุ้มต่อมไฟเนียล ซึ่งจะส่งผลถึงฮอร์โมนในร่างกาย ความรู้สึก จิตใจ และอารมณ์ของตัวบุคคล

เราจึงพูดได้เต็มปากเลยว่าโทนสีทาบ้าน เป็นอีกปัจจัยหลักในการสร้างความสุขให้กับผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการเลือกสีทาบ้าน จึงต้องเลือกอย่างเหมาะสม ไม่ใช่เพียงแค่ความชอบ แต่ต้องดูถึงภาพรวมและความเหมาะสมในการนำไปใช้งานด้วยค่ะ

สีทาบ้านโทนสีร้อน


สีทาบ้านโทนสีร้อน เช่น สีแดง สีส้ม สีชมพู สีเหลืองสด เป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกถึงพลัง เร่าร้อน และความกระตือรือร้น เมื่อนำมาใช้ตกแต่งบ้าน คุณจะมีความรู้สึกกระปรี่กระเปร่า กระฉับกระเฉงตลอดเวลา ดังนั้นจึงควรเลือกโทนสีเหล่านี้ ไว้ใช้ตกแต่งในห้องอาหาร ห้องครัว ห้องจัดเลี้ยง หรือห้องที่มีกิจกรรมเคลื่อนไหว

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก Six Different Ways

ตามหลักจิตวิทยาแล้วสีทาบ้านโทนสีร้อน จะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้สึกเจริญอาหาร รู้สึกคึกคัก และตื่นตัวตลอดเวลา หากคุณเคยลองสังเกตุ ตามร้านอาหาร ประเภทอาหารจานด่วน มักที่จะตกแต่งร้านด้วยโทนสีร้อน สีแดงแจ๊ด เหลืองจ๋า หรือดำทึบไปเลย เพราะจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ารับประทานอาหารได้รวดเร็วมากขึ้น

ถ้าหากคุณอยากจะทำให้บรรยากาศบ้านมีความแอคทีฟ ก็เลือกโทนสีทาบ้านสีร้อนมาตกแต่งบ้าน แต่ระวังกันสักนิด ไม่ควรใช้โทนสีเข้ม หรือสีสดมาตกแต่งมากเกินไป เพราะจะทำให้ตัวเราเองนั่นแหละ รู้สึกไม่สบายตา อึดอัด ปวดหัว และหงุดหงิด ใจร้อนมากขึ้น

หากต้องการใช้โทนสีร้อนมาทาสีบ้านจริงๆ อยากแนะนำให้ลดความเข้มลงมานิดหน่อย หรือทาผนังห้องเพียงด้านเดียว และเน้นเพิ่มเป็นของตกแต่งชิ้นเล็กๆแทน เพียงเท่านี้บ้านของเราก็ดูเก๋ไก๋มีสไตล์แล้วล่ะค่ะ

สีทาบ้านโทนเย็น


สีทาบ้านโทนสีเย็น เช่น สีเขียว สีฟ้า สีขาว สีเหลืองอ่อน เป็นโทนสีที่มองแล้วเรารู้สึกสดชื่น สงบ ผ่อนคลาย ชวนเชิญให้เราอยากนั่งเล่นพักผ่อนได้ตลอดทั้งวัน เป็นโทนสีที่เหมาะมากในการนำมาตกแต่งห้องรับแขก ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องน้ำ

สีทาบ้านโทนเย็น จะทำให้คุณรู้สึกถึงความเป็นมิตร เป็นโทนสีสุด HOT สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียการตกแต่งบ้านเพื่อช่วยลดความเครียด สีทาบ้านโทนสีเย็น สามารถช่วยคุณได้ค่ะ

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก HomeTips

สีทาบ้านโทนสีอบอุ่น


โทนสีทาบ้านเน้นความอบอุ่น เช่น สีเหลือง สีม่วง ส้มอ่อน น้ำตาลอ่อน สีเหล่านี้จะเป็นโทนสีกลางๆ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน และเป็นกันเอง เหมาะสำหรับการนำไปตกแต่งห้องรับแขก ห้องอ่านหนังสือ หรือห้องสำหรับการนั่งเล่นพักผ่อน

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก mikekyle.club

สีทาบ้านโทนสีหวาน


สีทาบ้านโทนสีหวาน เป็นโทนสีอ่อน ที่มีสีขาวผสมอยู่ด้วย เช่น ฟ้าอ่อน เขียวอ่อน เหลืองอ่อน ครีม โทนสีทาบ้านเหล่านี้ จะให้ความรู้สึกอ่อนหวาน นุ่มนวล ละมุนละไม น่ารักชวนฝัน เหมาะสำหรับนำมาใช้ตกแต่งห้องนอนสำหรับเด็ก หรือสาวหวาน จะเหมาะมาก รับรองเลยว่าถูกใจแน่นอน

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก newsroom.behr.com

เคล็ดลับสำหรับห้องขนาดเล็ก


หากห้องที่บ้านของคุณขนาดพื้นที่ไม่กว้างขวางมากนัก แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงโทนสีเข้มในการตกแต่ง เพราะจะยิ่งทำให้บรรยากาศภายในห้องดูอึดอัดมากขึ้น ให้ลองเปลี่ยนมาใช้โทนสีอ่อนๆในการตกแต่งบ้าน จะช่วยสร้างความปลอดโปร่งให้กับพื้นที่ภายในห้องได้มากขึ้น

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก HGTV Canada

สีทาบ้านที่ใช่สำหรับคุณ


อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนเริ่มจับทริคต่างๆในการเลือกสีทาบ้านกันได้บ้างแล้วแหละเนอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะเลือกโทนสีทาบ้าน เพื่อสร้างความสุขที่แท้จริง เราควรถามใจของตัวเราเองค่ะ ว่าเราชอบแบบไหน เพราะการที่เราอยู่ท่ามกลางสิ่งที่เราชอบ ยังไง๊ ยังไงเราก็แฮปปี้ใช่ไหมล่ะ ? อิอิ

เลือกกระเบื้องอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน?

กระเบื้อง เป็นวัสดุยอดนิยมที่ทุกบ้านเลือกนำมาใช้ตกแต่งบ้าน ทั้งภายในและภายนอก เป็นตัวช่วยสร้างความสวยงาม และเพิ่มเติมความโดดเด่นให้กับบ้านของเราได้อย่างดีเยี่ยม

แต่กระเบื้อง ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว เพราะกระเบื้อง เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยในเรื่องของความปลอดภัย และเรื่องของความสะอาดภายในบ้านอีกด้วย

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก Saura V Dutt Stones

ดังนั้นการเลือกกระเบื้องมาใช้งานต่างๆภายในบ้าน จะต้องคำนึงถึงลักษณะการใช้งาน ความต้องการ และความชื่นชอบของผู้อยู่อาศัยเป็นองค์ประกอบหลัก เพื่อสร้างบ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข และตอบโจทย์ทุกการใช้งานมากที่สุด

เทคนิคการเลือกกระเบื้อง


การเลือกกระเบื้อง อันดับแรกเลยเราจะต้องคิดก่อนค่ะว่า เราจะเอากระเบื้องไปปูตรงส่วนไหนของบ้านเรา ซึ่งแต่ละห้องภายในบ้าน การเลือกใช้กระเบื้องก็มีความแตกต่างกัน เช่น

พื้นที่บริเวณห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ก็ควรเลือกกระเบื้องที่มีพื้นผิวที่มันวาวดูสวยงาม และสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เก็บฝุ่น แต่หากต้องการกระเบื้องไว้ปูใช้งานนอกบ้าน ก็ควรเลือกเป็นกระเบื้องที่มีผิวหยาบ หากโดนน้ำผิวจะมีความฝืดมากกว่ากระเบื้องผิวมันวาว

การตกแต่งบ้าน

ขนาดของกระเบื้อง


ขนาดของกระเบื้อง คุณอาจจะเห็นตามร้านค้าที่จัดจำหน่าย ว่ามีให้เลือกอยู่ค่อนข้างหลายขนาด ปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกกระเบื้องมาใช้งาน ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ อย่างเช่น ห้องน้ำที่มีขนาดเล็ก ก็ควรเลือกกระเบื้องขนาดเล็กไว้ใช้งาน 20x20 หรือ 30x30 ถึงจะเหมาะสม

การตกแต่งบ้าน

ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะว่าห้องที่มีขนาดเล็ก การเลือกกระเบื้องไซด์ดังกล่าวมาใช้งาน จะช่วยทำให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น

แต่สำหรับห้องขนาดใหญ่ อย่างห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก หรือห้องนอน ควรเลือกกระเบื้องขนาดใหญ่มาใช้งาน จะช่วยทำให้มีรอยต่อระหว่างกระเบื้องน้อยลง กระเบื้องขนาด 40x40, 50x50 หรือ 60x60 เซนติเมตร จะเหมาะสมมากกว่า

โทนสีของกระเบื้อง


การเลือกโทนสีของกระเบื้อง นอกจากเลือกตามความชอบแล้ว ยังต้องพิจารณาเรื่องของลักษณะของห้อง พื้นที่และขนาดด้วย หากห้องมีพื้นที่ไม่กว้างขวางมากนัก ก็ควรเลือกใช้กระเบื้องโทนสีอ่อน ที่จะช่วยทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสว่าง กว้างขวางมากขึ้น

แต่หากห้องมีพื้นที่กว้างขวางอยู่แล้ว ก็ควรเลือกใช้กระเบื้องโทนสีกลาง หรือโทนสีเข้มในการนำมาใช้ตกแต่ง เพื่อที่จะทำให้ภายในห้อง ดูไม่โล่งจนเกินไป และดูไม่เรียบจนเกินไปด้วยค่ะ

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก cheramie.it

ลวดลายกระเบื้อง


เชื่อว่าหลายคนชื่นชอบการตกแต่งบ้านด้วยลวดลายและสีสัน ดังนั้นการเลือกลวดลายของกระเบื้อง ก็เป็นอีกตัวเลือกที่จะช่วยสร้างความเก๋ไก๋มีสไตล์ให้กับบ้านของเราได้อย่างเพอร์เฟค

คุณสามารถเลือกลวดลายกระเบื้องมาใช้ตกแต่งภายในบ้านได้ตามความชอบค่ะ แต่ขอแนะนำอย่างนึง สำหรับห้องที่เราต้องใช้สายตามากๆ อย่างห้องทำงาน หรือห้องโฮมเธียร์เตอร์ ควรที่จะเลือกใช้เป็นกระเบื้องสีเรียบๆจะเหมาะมากกว่า เพราะการทำงานหรือดูทีวี เราก็ใช้สายตาค่อนข้างหนักแล้ว การเพิ่มลวดลายเข้าไปอีก อาจจะทำให้เรารู้สึกปวดตาได้ค่ะ

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก Floors & Tiles Ideas

แต่หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบบรรยากาศบ้านที่ดูหรูหรา ดูเรียบง่าย แต่ก็มีความพิเศษสะดุดตา อยากให้ลองเลือกกระเบื้องลายหินอ่อนมาใช้งานกันดู รับรองได้เลยว่า บ้านของเราจะดูหรูเลิศอลังกาลมากขึ้นอย่างแน่นอน

อีกไอเดียการเลือกลวดลายกระเบื้อง ที่อยากให้เพื่อนๆลองเก็บนำไปใช้คือ กระเบื้องลวดลายไม้ธรรมชาติ ที่จะสร้างความอบอุ่นให้กับบรรยากาศภายในบ้านได้อย่างดีเยี่ยม

ทีนี้เราก็พอที่จะทราบกันแล้วเนอะ ว่าการเลือกกระเบื้องมาใช้ตกแต่งบ้าน ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ขอเพียงแค่พิจารณาจากองค์ประกอบพื้นฐานคือ ลักษณะการใช้งาน ความต้องการ และความชื่นชอบ 3 ประการ ก็สามารถเลือกกระเบื้องที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเหมาะสมแล้วล่ะค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เลือกสุขภัณฑ์ชักโรกอย่างไร ให้เหมาะกับการใช้งาน ?

โถสุขภัณฑ์ หรือ ชักโครก เราจะเลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะกับการใช้งานที่บ้านของเรามากที่สุด เป็นคำถามที่ยังคงมีคนสอบถามเข้ามาเยอะเลยทีเดียวเกี่ยวกับปัญหาตรงนี้ … วันนี้เลยรวบรวมหลายๆคำถาม เพื่อสรุปเป็นคำตอบแบบเคลียร์ๆ จบในบทความเดียว !

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก Heating and Plumbing Warehouse

สุขภัณฑ์ชักโครกสรุปแล้วมีกี่แบบ ?


โถสุขภัณฑ์ หรือชักโครก ตามท้องตลาดบ้านเรามีให้เลือกอยู่หลักๆเลย 2 แบบได้แก่ สุขภัณฑ์แบบนั่งยอง และ สุขภัณฑ์แบบนั่งราบ

สุขภัณฑ์แบบนั่งยอง


สุขภัณฑ์แบบนั่งยอง ทุกคนคุ้นเคยกันดีมาก เชื่อว่ามีประสบการณ์ในการใช้งานกันมาอย่างโชกโชนแน่นอนตามโรงเรียนของเรานั่นเอง (ฮ่าๆ) หรืออาจจะเป็นตามวัดต่างๆ ก็ยังมีให้เห็นอยู่ การใช้งานก็ตามชื่อเลยคือ นั่งยองๆเวลาใช้งาน แต่อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่สำหรับคนที่อายุเยอะ หรือมีปัญหาเรื่องข้อเข่า

สุขภัณฑ์แบบนั่งยอง ก็จะมีให้เลือกอยู่ 3 ประเภท ได้แก่ สุขภัณฑ์นั่งยองราดน้ำ, สุขภัณฑ์นั่งยองแบบใช้ถังพักน้ำ และ สุขภัณฑ์นั่งยองแบบใช้ฟรัชวาล์ว


การตกแต่งบ้าน
การตกแต่งบ้าน
การตกแต่งบ้าน

สุขภัณฑ์แบบนั่งราบ


สุขภัณฑ์แบบนั่งราบ เป็นโถสุขภัณฑ์ที่นิยมใช้งานกันทั่วไป ปัจจุบันก็เห็นใช้กันแทบจะทุกที่แล้วล่ะเนอะ ตามบ้านเรือน สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เป็นโถสุขภัณฑ์ที่อำนวยความสะดวกในการใช้งานที่ตอบโจทย์มากๆ เพราะเราสามารถนั่งปลดทุกข์ได้อย่างผ่อนคลาย ไม่เมื่อย ไม่ปวดขา เด็กๆใช้ได้ ผู้ใหญ่ คนสูงอายุใช้ดี

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก dkbzaWeb.com

สุขภัณฑ์แบบนั่งราบ ก็มีให้เลือกกันอยู่ 3 ประเภทเช่นกัน ได้แก่ สุขภัณฑ์ชนิดนั่งราบราดน้ำ, สุขภัณฑ์ชนิดนั่งราบแบบใช้ถังพักน้ำ และ สุขภัณฑ์นั่งราบแบบใช้ฟรัชวาล์ว

โดยสุขภัณฑ์แบบนั่งราบแบบมีถังพักน้ำ ก็แบ่งย่อยออกไปอีก 2 ประเภท คือ สุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว (One Piece) กับ สุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น (Two Piece)

สุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว (One Piece)


สุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว จะมีรูปทรงที่สวยงาม สามารถทำการติดตั้งได้ง่าย โดยไม่ต้องประกอบชิ้นส่วน ทำความสะอาดง่าย และทั่วถึง น้ำไม่รั่ว และระบบการทำงานค่อนข้างเงียบ

แต่สุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว ก็จะมีราคาที่สูงกว่า และหากมีส่วนใดกระทบ หรือแตกหักขณะขนส่ง จะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชิ้น ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณมากขึ้นค่ะ

การตกแต่งบ้าน
การตกแต่งบ้าน
การตกแต่งบ้าน

สุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น


สุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น มีราคาที่ถูกกว่า และเวลาชำรุด เราก็สามารถเปลี่ยนแบบแยกชิ้นได้ โดยไม่ต้องยกเปลี่ยนทั้งหมดแบบสุขภัณฑ์ชิ้นเดียว

แต่สุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น ทำความสะอาดได้ยาก มักมีคราบและสิ่งสกปรกตกค้างตามซอกซอย รอยต่อ อีกทั้งระบบการทำงานส่งเสียงดัง และการติดตั้งมีขั้นตอนหลายขั้นมากกว่า

การตกแต่งบ้าน
การตกแต่งบ้าน
การตกแต่งบ้าน

ความสูงของสุขภัณฑ์ สูงแค่ไหนถึงจะเหมาะสม?


ระดับความสูงของสุขภัณฑ์ชักโครก จะส่งผลต่อความสบายในการนั่งใช้งานโดยตรง ดังนั้นเราจึงควรเลือกสุขภัณฑ์ที่มีความสูงตามมาตราฐานสากล คือสูง 17 นิ้วจะเหมาะมากที่สุด

แต่ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ให้ทดลองนั่งกับสุขภัณฑ์ของจริงเสียก่อน เราจะได้สัมผัสถึงประสบการณ์การนั่งใช้งานอย่างแท้จริง ไม่ใช่คาดเดาไปเองว่าแบบนี้ต้องนั่งสบายแน่ๆเลย พอซื้อไปกลับไม่เป็นอย่างที่คิด จะเปลี่ยนก็ไม่ทันแล้ว

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก Home Depot

สุขภัณฑ์ชักโครกรูปทรงไหนดี?


เรื่องของรูปทรงสุขภัณฑ์ ตามท้องตลาดก็มีให้เลือกอยู่ 2 รูปทรงหลักๆเนอะ คือสุขภัณฑ์รูปทรงกลม และสุขภัณฑ์รูปทรงวงรี ซึ่งหากคุณเน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน ก็แนะนำให้เลือกเป็นรูปทรงวงรี แต่หากคุณต้องการประหยัดพื้นที่ในห้องน้ำ แนะนำว่าให้เลือกเป็นแบบทรงกลมค่ะ

ระบบชำระล้างโถสุขภัณฑ์มีกี่แบบ?


เรื่องของระบบการชำระล้าง ก็ถือว่าเป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบกันเนอะ เพราะหลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ชักโครก แต่ละแบรนด์ ยี่ห้อ รุ่น ก็มีระบบการชำระล้างที่แตกต่างกัน

คุณอาจจะเคยสังเกตุกันบ้างแหละว่า เวลาเรากดชักโครกหลังจากใช้งาน บางที่ก็จะหมุนวนค่อยๆลดลงไป บางที่ก็จะไหลพรสดพราดรุนแรงเหลือเกิน ตรงจุดนี้แหละค่ะ คือความแตกต่างของเรื่องระบบการชำระล้าง ซึ่งแต่ละระบบก็มีชื่อเรียกเฉพาะของมัน เริ่มจาก…

การตกแต่งบ้าน

  • ระบบการชำระล้างแบบ Wash Down


Wash Down เป็นระบบการชำระล้างที่ใช้น้ำใหม่ แทนที่น้ำเก่า ประหยัดน้ำมาก เพราะใช้น้ำเพียง 3 ลิตรเท่านั้นในการชำระแบบเบา และใช้น้ำปริมาณ 6 ลิตรสำหรับการชำระล้างแบบหนัก ปุ่มกดก็จะมีให้เลือก 2 ปุ่ม หรือที่เรียกกันว่าปุ่ม Dual Flush

  • ระบบการชำระล้างแบบ Siphonic Wash Down


Siphonic Wash Down เป็นระบบการชำระล้างที่ใช้หลักการของกาลักน้ำ เมื่อเรากดปุ่มชำระล้าง ระบบกาลักน้ำ จะทำให้เกิดแรงดูดในระบบท่อคอห่าน เป็นระบบที่สามารถชำระล้างได้อย่างสะอาดและรวดเร็ว ด้วยการใช้ปริมาณน้ำ 6 ลิตร

  • ระบบการชำระล้างแบบ Siphon Jet


Siphon Jet เป็นระบบการชำระล้างที่ทำได้อย่างรวดเร็วกว่าระบบอื่นๆ โดยใช้รู JET เป็นตัวช่วยในการส่งน้ำ เพื่อให้เกิดแรงดูด โดยใช้ปริมาณน้ำ 6 ลิตรในการชำระล้างแต่ละครั้ง

  • ระบบการชำระล้างแบบ Siphon Vortex


Siphon Vortex เป็นระบบการชำระล้างที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อเทียบกับระบบอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้น แต่ระบบนี้จะมีการใช้ปริมาณน้ำสูงถึง 9 ลิตรในการกดชำระล้างแต่ละครั้ง ระบบนี้จะใช้กับสุขภัณฑ์ประเพทชิ้นเดียว ที่มีถังพักน้ำต่ำ ส่งผลให้การกดชำระล้าง มีเสียงเงียบไม่รบกวน

ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็เป็นหลักการง่ายๆ ที่คุณสามารถเก็บไว้เป็นทริคเล็กๆในการตัดสินใจเลือกสุขภัณฑ์ชักโครกมาใช้งานที่บ้านของเราให้เหมาะสมมากที่สุด หากเพื่อนๆยังมีข้อสงสัย หรือมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกโถสุขภัณฑ์ล่ะก็ คอมเมนต์เอาไว้ที่ด้านล่างนี้เนอะ แล้วเดี๋ยวู้เขียนจะไปหาคำตอบมาให้จ้า : )

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

5 จุดในบ้านต้องรีบตรวจเช็คก่อนหน้าฝน

ฤดูฝนเนี่ย เป็นฤดูที่เราอาจจะต้องใส่ใจเองของการดูแลบ้านกันมากกว่าปกติ หลายคนชื่นชอบหน้าฝนมากๆ เพราะบรรยากาศดี สร้างความชุ่มฉ่ำ และเย็นสบาย แตกต่างกับช่วงหน้าร้อนโดยสิ้นเชิง

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก Brendon Homes

แต่ในความเย็นสบายนั้น มักจะมาพร้อมกับปัญหาภายในบ้าน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของเชื้อรา หลังคารั่ว น้ำขัง หรือเกิดการรั่วซึม แถมในสวนก็หญ้าขึ้นรก ลมพัดแรงหากที่บ้านมีต้นไม้ใหญ่ก็อาจจะหักลงมาได้ และอีกสารพัดปัญหา ที่เราอาจจะพบเจอในฤดูฝนพรำ

วันนี้เลยแวะเอา 5 จุดใหญ่ๆภายในบ้าน ที่ควรตรวจเช็คก่อนหน้าฝนมาถึง ที่เราจำเป็นต้องเตรียมบ้านให้พร้อมก่อนเข้าฤดูฝน เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อนค่ะ !

ตรวจเช็ครอยรั่วซึม


ก่อนเข้าหน้าฝน เราควรตรวจสอบรอยรั่วรอบๆบ้านของเราก่อน โดยเฉพาะจุดใหญ่บนหลังคาที่ต้องสัมผัสกับเม็ดฝนโดยตรง ซึ่งตรงจุดนี้หากเกิดรอยร้าว รั่ว ซึม บอกเลยว่าปัญหาใหญ่จะตามมาอย่างแน่นอน

การตกแต่งบ้าน
ภาพจาก Reiter Roofing

โดยวิธีสังเกตุแบบง่ายๆเลย ว่าหลังคาบ้านของเรารั่วซึมรึเปล่า คือ ดูจากคราบดำ หรือคราบสีน้ำตาลอ่อนๆ เป็นวงรอบๆบนฝ้าเพดาน ตรงจุดนั้นแหละค่ะ ที่มีความเป็นไปได้ว่า หลังคาบ้านจะรั่วซึม โทรตามช่างเข้ามาเช็คและแก้ไขด่วนๆ !

ดูแลรักษางานไม้


แน่นอนว่าบ้านของเรา ก็ประกอบขึ้นมาจากหลากหลายวัสดุ แต่วัสดุที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษในหน้าฝนคือพวก วัสดุไม้ธรรมชาติ ตรงวงกบ บานหน้าต่าง บานประตู หรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่หากโดยละอองฝนเป็นระยะเวลานาน ความชื้นจะสะสม ทำให้วัสดุไม้เกิดการบวม พอง ผิดรูป ร้ายแรงสุดเลยคือเกิดเชื้อรา

เช็คปลั๊กไฟในบ้านและกลางแจ้ง


ปลั๊กไฟในบ้านและนอกบ้าน เป็นจุดเสี่ยงที่มีความสำคัญมาก เพราะหากเกิดกระแสไฟรั่วไหล อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะไฟนอกบ้าน ที่อยู่ท่ามกลางสายฝน ควรเดินระบบไฟแยกออกจากส่วนอื่น เพื่อสามารถปิดการใช้งานในช่วงหน้าฝนได้

นอกจากนี้ควรติดตั้งร่วมกับปลั๊กไฟที่มีฝาครอบ เพื่อป้องกันละอองฝนสาด เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยสร้างความปลอดภัยในการใช้ไฟในช่วงหน้าฝนได้ในระดับนึงแล้วล่ะค่ะ

การตกแต่งบ้าน

ตรวจสอบพื้นที่น้ำขังและพื้นที่เปียก


สายฝนแสนฉุ่มช่ำ แอบแฝงมาด้วยอันตรายที่เราอาจจะคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอันตรายจากน้ำขัง และพื้นที่เปียกลื่น สำหรับเด็กและคนชรา ที่การทรงตัวไม่ค่อยดีนัก อาจจะเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้หากไม่ระมัดระวัง

หลังจากฝนตกติดต่อกันหลายๆวัน เราจะเห็นเลยว่ามีคราบตะไคร้สีเขียว เกาะอยู่ตมคอนกรีตนอกบ้าน หรือคราบดินโคลนลื่นๆ เต็มพื้นที่ไปหมด

คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยการหาผลิตภัณฑ์ที่ทากันลื่น และป้องกันคราบสกปรกมาใช้งาน เป็นตัวช่วยที่สามารถลดอันตรายจากการลื่นล้มได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สัตว์ตัวร้ายที่มาพร้อมกับสายฝน


ในหน้าฝนเนี่ย บอกเลยว่าปัญหาที่น่าหนักใจไม่แพ้กันเลยคือเรื่องของ สัตว์ร้าย สัตว์มีพิษต่างๆ เข้ามาหลบฝนอยู่ภายในบ้านของเรา

คุณอาจจะเคยเห็นช่าวกันบ้างผ่านโลกโซเชียล เรื่องของงูเข้ามาตามชักโครก บอกเลยว่าปลดทุกข์ได้ไม่สบายใจสักเท่าไหร่ในช่วงหน้านี้ กลัวงูฉก (55555) ซึ่งนอกจากงูแล้ว ก็ยังมีพวก ตะขบ แมงป่อง และสัตว์มีพิษชนิดอื่นๆ ที่แทรกตัวเข้ามาตามช่อง พุ่มไม้ กองหญ้า กองขยะ หรือจุดอับสายตา

วิธีการป้องกัน ก็อยากให้เดินสังเกตุรอบๆตัวบ้าน มองหาจุดล่อแหลมต่างๆ โดยเฉพาะกิ่งไม้ที่พาดถึงตัวบ้าน ควรตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ตรงจุดไหนหนาทึบจนเกินไปก็จัดการตัดแต่งออกให้หมด ตามท่อก็ติดตะแกรงกันงูตามท่อระบายน้ำ เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนค่ะ

แต่หากใครคิดว่า เรามีความชำนาญมากเพียงพอ ที่จะตรวจสอบและเช็คสภาพบ้านด้วยตัวเอง สามารถแวะเข้ามาสอบถาม หรือขอคำแนะนำได้จากทีม Home Service By Homepro ที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกปัญหาเรื่องบ้าน พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้หลากหลายแขนง อำนวยความสะดวกให้กับการเตรียมความพร้อมให้กับบ้านของคุณรับฤดูฝนได้อย่างมั่นใจค่ะ

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

5 เทคนิคการออกแบบห้องครัวเพื่อคนยุคใหม่

การทำอาหาร เป็นเหมือนกับศิลปะอย่างหนึ่ง ที่เราต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่เริ่มต้นคิดค้นเมนู การคัดเลือกวัตถุดิบ และกระบวนการปรุงอาหาร และขั้นตอนสุดท้ายคือ การประดับตกแต่งทุกจานให้ดูสวยงามและน่ารับประทาน

การตกแต่งบ้าน

การรังสรรค์อาหารให้ออกมาดูน่ารับประทานมากที่สุด หลายคนอาจจะคิดว่า มันก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในการนำมาประกอบอาหารเพียงอย่างเดียว แต่อันที่จริงแล้ว การจะทำอาหารให้เพอร์เฟ็คได้มากที่สุด เราจะต้องมีห้องครัวที่พร้อมใช้งาน ครบครันไปด้วยอุปกรณ์ และที่สำคัญคือเรื่องของการออกแบบห้องครัวที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ และตอบโจทย์การทำอาหารของเรามากที่สุดด้วยค่ะ

ดังนั้นวันนี้ เราเลยแวะเอาไปเดียและเทคนิคต่างๆในการออกแบบห้องครัวสำหรับคนยุคใหม่ เรียกได้ว่าตอบโจทย์การใช้งาน และครบครันไปด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในครัว ที่อำนวยความสะดวกในการทำอาหารในทุกๆเวลา เติมเต็มความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว

ห้องครัวเชื่อมต่อห้องนั่งเล่น


ห้องครัวสมัยก่อน จะแบ่งแยกออกจากตัวบ้านอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันเรื่องของควัน และคราบสกปรก แต่สำหรับบ้านยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นออกแบบให้บ้านดูปลอดโปร่ง และกว้างขวางมากขึ้น การออกแบบห้องครัวที่เชื่อมต่อกับห้องอื่นๆภายในบ้าน จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน

การตกแต่งบ้าน

การออกแบบห้องครัว เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น นอกจากจะช่วยทำให้บ้านของเราดูกว้างมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของคนภายในบ้าน ในข๊ะที่คุณแม่กำลังทำอาหาร คุณพ่อและคุณลูกก็สามารถนั่งดูหนัง หรือพูดคุยกันได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

เคาน์เตอร์ห้องครัวหลากฟังก์ชัน


นอกจากการเปิดพื้นที่เชื่อมต่อห้องคัรวและห้องนั่งเล่นเข้าด้วยกันแล้ว เราสามารถประหยัดพื้นที่ได้ด้วยการเลือกเคาน์เตอร์ห้องครัว ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชัน เป็นได้ทั้งจุดสำหรับจัดเตรียมวัตถุดิบการทำอาหาร และเป็นได้ทั้งเคาน์เตอร์บาร์ สำหรับนั่งรับประทานอาหาร

การตกแต่งบ้าน

เรื่องของการทำความสะอาด


แน่นอนว่าการทำอาหาร ย่อมหลีกเลี่ยงเรื่องของคราบสกปรกไม่ได้ชัวร์ๆ ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้เพื่อนๆรู้จักกับวัสดุ backsplash เป็นวัสดุสำหรับการกรุผนังห้องครัว ที่สามารถช่วยให้เราทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น ห้องครัวของเราก็จะสวยและน่าใช้งานอยู่เสมอ

การตกแต่งบ้าน

โดยวัสดุที่แนะนำให้เลือกเป็นวัสดุที่มีผิวเรียบมันวาว เช่น กระเบื้องเซรามิก, สแตนเลส, กระจก ส่วนวัสดุที่ควรเลี่ยงใช้ เช่น ผนังคอนกรีตทาสี, ผนังขัดมัน, ผนังอิฐ หรือวัสดุใด ๆ ที่มีพื้นผิวขัดถูได้ยาก คุณอาจจะเสียเวลาในการทำความสะอาดมากขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นเลยค่ะ

แบบห้องครัวบรรยากาศธรรมชาติ


หลายคนชื่นชอบที่จะตกแต่งบ้าน หรือห้องครัว ให้เต็มไปด้วยบรรยากาศความเป็นธรรมชาติ ด้วยการเลือกใช้วัสดุไม้ วัสดุหิน วัสดุคอนกรีต ในการตกแต่งเป็นวัสดุหลัก แต่การเลือกใช้วัสดุที่ทำมาจากธรรมชาติ ก็อาจจะมีข้อเสียอย่างนึงคือ เรื่องของการทำความสะอาด ที่บอกเลยว่าสามารถทำได้ยาก และไม่ค่อยทนทานต่อความเปียกชื้น

การตกแต่งบ้าน

แต่ปัจจุบัน มีการออกแบบวัสดุ สังเคราะห์เลียนแบบธรรมชาติที่บอกเลยว่า เหมือนจริงมากๆ แทบจะแยกไม่ออกเลยว่านี่คือของปลอม (ฮ่าๆ) อีกทั้งยังลบข้อเสียทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ทนความชื้น และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายมากกว่า

ห้องครัวสำเร็จรูป จบงานง่ายแถมประหยัด


อีกแนวทางในการออกแบบห้องครัว ที่สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานในราคาประหยัด คือการเลือกห้องครัวสำเร็จรูปมาติดตั้งที่บ้าน บอกเลยว่าสะดวกและง่ายมากๆ ไม่ต้องมานั่งเหนื่อยเลือกวัสดุทีละอย่าง เพื่อนำมาประกอบทีละส่วน ให้เสียเวลาค่ะ

การตกแต่งบ้าน

คุณสามารถแวะมาเลือกชุดห้องครัวสำเร็จรูปได้ที่ Homepro ทุกสาขาทั่วประเทศไทย แต่หากคุณไม่มั่นใจว่าจะตกแต่งห้องครัวออกมาสวยอย่างที่ใจหวังรึเปล่า เราก็มีบริการ Interior Design บริการออกแบบห้องครัวให้ฟรี ! ตามโจทย์และงบประมาณของคุณค่ะ