ชั้นวางรองเท้า แบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
รองเท้ากับสาวๆ นี่บอกเลยว่าเป็นของที่อยู่คู่กัน กล้าพูดรึเปล่าว่าตัวเองมีรองเท้าแค่คู่เดียว! เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? อย่างน้อยก็ต้องมีมากกว่า 2 คู่แน่นอน ฟันธง!
และเชื่อว่าหลายคนกำลังประสบกับปัญหา ไม่มีที่เก็บรองเท้า เพราะมีเยอะหลากหลายคู่เหลือเกิน จนตู้เก็บรองเท้า และชั้นวางรองเท้าแน่นเอี๊ยด ! แทบจะไม่มีที่วางเพิ่มอีกแล้ว แต่ด้วยใจรักแฟชั่น จะให้เราหยุดซื้อรองเท้าเพิ่มนั้น มันเป็นไปไม่ได้ !
วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ เทคนิคการเลือกชั้นวางรองเท้า ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ว่าควรจะเลือกชั้นวางรองเท้าแบบไหนมาใช้งานที่บ้านดีนะ ถึงจะเพียงพอกับจำนวนรองเท้าของเรามากที่สุด เริ่มจาก…
ชั้นวางรองเท้าที่ทำจากวัสดุไม้ หรือพลาสติกมีจำนวนชั้น 2-3 ชั้น จะเหมาะกับคนที่มีรองเท้าประมาณ 4-5 คู่ หรืออาจจะน้อยกว่านั้น เรียกได้ว่า เป็นคนที่ไม่ค่อยอินแฟชั่นสักเท่าไหร่ ก็เหมาะกับชั้นวางรองเท้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วจ้า
ประเด็นมันอยู่ที่ตรงนี้แหละ สำหรับสาวๆที่อินแฟชั่น มีรองเท้ามากกว่า 10 คู่ หรือมากกว่านั้น แค่ชั้นวางรองเท้าแสนธรรมดาคงไม่เพียงพอ อาจจะต้องมีตัวช่วยเสริมนิดๆหน่อยๆ เพิ่มเติมพื้นที่สำหรับจัดวางรองเท้าคูโปรดให้พอดีกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น
หากชั้นวางรองเท้าธรรมดาวางไม่พอแล้วล่ะก็ รองเพิ่มเป็นชั้นวางรองเท้าแบบแขวนเอาไว้หลังประตูบ้านสิ บอกเลยว่าเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้อีกเยอะแยะเลยทีเดียว แถมหยิบใช้งานได้สะดวก จัดเก็บก็แสนจะง่ายอีกด้วยจ้า
หากที่บ้านพอจะมีท่อน้ำเหลือๆไม่ใช้แล้ว ขนาดพอเหมาะเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15-30 เซนติเมตร พอดีขนาดกับรองเท้า นำมาตัดเป็นท่อนๆ และจัดเรียงต่อกันเป็นรังผึ้ง บอกเลยว่าเก๋กู๊ดมากๆจ้า
อันนี้น่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากที่สุด ประมาณว่า ซื้อรองเท้าเพิ่มมา 2 คู่ ก็ซื้อกล่องเพิ่มมาอีก 2 กล่องมาจัดเรียงเป็นชั้นวางรองเท้าอย่างเป็นระเบียบ ง่ายต่อการจัดเก็บ และหยิบออกมาสวมใส่มากๆจ้า
ถ้าหากคุณมีงบประมามากเพียงพอ และที่บ้านก็พอจะมีพื้นที่สำหรับจัดเก็บ ก็จัดไปเลยชั้นวางรองเท้าแบบตู้รุ่นใหญ่ไฟกระพริบ จัดให้เป็นเหมือนกับห้องรองเท้าสุดไฮโซ เรียงรายรองเท้าทุกคู่เอาไว้อย่างเป็นระเบียบ บอกเลยว่าสำหรับคนรักรองเท้าแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งฟิน
ไม้แขวนเสื้อเก่า ก็อย่าเพิ่งโยนทิ้งเนอะ เอามาขัดสีฉวีวรรณใหม่ ทาสีหรือเอาลิบบิ้นพันให้สวยๆ ดัดแปรงเป็นที่แขวนรองเท้า แขวนกับราวแขวนที่เราเอามาติดตั้งเพิ่มตรงมุมกำแพงบ้านสักมุมก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
ภาพจาก upsite.me
ชั้นวางรองเท้าที่คุณคู่ควร
วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ เทคนิคการเลือกชั้นวางรองเท้า ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ว่าควรจะเลือกชั้นวางรองเท้าแบบไหนมาใช้งานที่บ้านดีนะ ถึงจะเพียงพอกับจำนวนรองเท้าของเรามากที่สุด เริ่มจาก…
ชั้นวางรองเท้าสำหรับสาวไม่อินแฟชั่น
ชั้นวางรองเท้าที่ทำจากวัสดุไม้ หรือพลาสติกมีจำนวนชั้น 2-3 ชั้น จะเหมาะกับคนที่มีรองเท้าประมาณ 4-5 คู่ หรืออาจจะน้อยกว่านั้น เรียกได้ว่า เป็นคนที่ไม่ค่อยอินแฟชั่นสักเท่าไหร่ ก็เหมาะกับชั้นวางรองเท้าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วจ้า
ชั้นวางรองเท้าสำหรับสาวแฟชั่น
ประเด็นมันอยู่ที่ตรงนี้แหละ สำหรับสาวๆที่อินแฟชั่น มีรองเท้ามากกว่า 10 คู่ หรือมากกว่านั้น แค่ชั้นวางรองเท้าแสนธรรมดาคงไม่เพียงพอ อาจจะต้องมีตัวช่วยเสริมนิดๆหน่อยๆ เพิ่มเติมพื้นที่สำหรับจัดวางรองเท้าคูโปรดให้พอดีกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น
ชั้นวางรองเท้าหลังประตูบ้าน
หากชั้นวางรองเท้าธรรมดาวางไม่พอแล้วล่ะก็ รองเพิ่มเป็นชั้นวางรองเท้าแบบแขวนเอาไว้หลังประตูบ้านสิ บอกเลยว่าเพิ่มพื้นที่จัดเก็บได้อีกเยอะแยะเลยทีเดียว แถมหยิบใช้งานได้สะดวก จัดเก็บก็แสนจะง่ายอีกด้วยจ้า
ภาพจาก The Container Store
ชั้นวางรองเท้าท่อน้ำ
หากที่บ้านพอจะมีท่อน้ำเหลือๆไม่ใช้แล้ว ขนาดพอเหมาะเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15-30 เซนติเมตร พอดีขนาดกับรองเท้า นำมาตัดเป็นท่อนๆ และจัดเรียงต่อกันเป็นรังผึ้ง บอกเลยว่าเก๋กู๊ดมากๆจ้า
ภาพจาก mulheresempreendedoraspi.com.br
ชั้นวางรองเท้าแบบกล่องพลาสติก
อันนี้น่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากที่สุด ประมาณว่า ซื้อรองเท้าเพิ่มมา 2 คู่ ก็ซื้อกล่องเพิ่มมาอีก 2 กล่องมาจัดเรียงเป็นชั้นวางรองเท้าอย่างเป็นระเบียบ ง่ายต่อการจัดเก็บ และหยิบออกมาสวมใส่มากๆจ้า
ภาพจาก YouTube
ชั้นวางรองเท้าแบบตู้
ถ้าหากคุณมีงบประมามากเพียงพอ และที่บ้านก็พอจะมีพื้นที่สำหรับจัดเก็บ ก็จัดไปเลยชั้นวางรองเท้าแบบตู้รุ่นใหญ่ไฟกระพริบ จัดให้เป็นเหมือนกับห้องรองเท้าสุดไฮโซ เรียงรายรองเท้าทุกคู่เอาไว้อย่างเป็นระเบียบ บอกเลยว่าสำหรับคนรักรองเท้าแล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งฟิน
ภาพจาก Pinterest
ชั้นวางรองเท้าไม้แขวน
ไม้แขวนเสื้อเก่า ก็อย่าเพิ่งโยนทิ้งเนอะ เอามาขัดสีฉวีวรรณใหม่ ทาสีหรือเอาลิบบิ้นพันให้สวยๆ ดัดแปรงเป็นที่แขวนรองเท้า แขวนกับราวแขวนที่เราเอามาติดตั้งเพิ่มตรงมุมกำแพงบ้านสักมุมก็ดูเก๋ไปอีกแบบ
ภาพจาก RALFRED'S BLOG DECO DIY
Post a Comment